Thursday 4 August 2011

ຜຍາປຣັຊຍາຊີວິດ

ผญาภาษิตสะท้อนปรัชญาชีวิต
ຜຍາ ຄືປຣັຊຍາລາວ ສະທ້ອນຊີວິດ ຄືປັນຍາພາສິດລາວທີ່ເປັນມໍຣະດົກຕົກທອດຈາກບັນພະຊົນລາວທີ່ສ້າງສັນໄວ້ ລູກຫຼາຍຜູ້ເກິດໃໝ່ໃຫຍ່ລຸນ ໄດ້ເກັບກຳຮີບໂຮມໄວ້ ຮຽກວ່າ ປຣັຊຍາພາສິດ.
-----------
ຜຍາພາສິດ.
- ຜຍາພາສິດ ເປັນຄຳສອນສະທ້ອນເຖິຣະບົບສັງຄົມໃນອະດີດ ຫຼືອະນາຄົດທີ່ທຸກຄົນເນັ້ນໜັກເຖິງ ແລະຫາທາງປ້ອງກັນຄວາມເດືອດຮ້ອນ ແລະຄວາມເສື່ອໂຊມທາງສັງຄົມ ອັນຈະເກີດຂຶ້ນໃນພາຍພາກໜ້າ ທີ່ມະນຸດກຳລັງກ້າວເຂົ້າໄປຫາ ແລະຜະເຊີນຢູ່, ເປັນເວລາເກືອບສະຕະວັດ ຊາວອາຊີ ກໍຄືຊາວລາວເຮົາ ກຳລັງເດີນຕາມເສັ້ນທາງຣະບົບຣັດຖະສາດແບບຕາເວັນຕົກ ອັນທີ່ເຂົາຮຽກວ່າ ເສຣີນິຍົມ ຫຼືສັງຄົມເປີດ, ແນວຄິດແບບນີ້ ໄດ້ຄອບງຳແນວຄິດທາງຣັດຖະສາດຂອງຊາດໄປຢ່າງໜ້າເສັຍດາຍ ນັກຣັດຖະສາດລາວຫຼາຍທ່ານອາດຈະມອງກາຍ ປຣັຊຍາຊີວິດລາວ ໂດຍທີ່ບໍ່ຮູ້ວ່ານັ້ນ ຄືພື້ນຖານທາງຣັດຖະສາດທີ່ສຳຄັນ ເຊິ່ງລາວເຮົາໃຊ້ປົກຄອງປະເທດລ້ານຊ້າງທີ່ກວ້າງໃຫຍ່ມາຢ່າງໝັ້ນ ຄົງຮອດ 4-500 ປີ, ຜຍາພາສິດ ຄືປຣັຊຍາຊິວິດ ທີ່ສະທ້ອນການດຳເນີນຊີວິດຂອງຜູ້ຄົນໃນສັງຄົມລາວໃນໄລຍະໜຶ່ງ ສັງຄົມຊົນນະບົດບາງສັງຄົມ ເມື່ອ 20 ກວ່າປີຜ່ານມາອາດຊິຍັງໃຊ້ຢູ່ແຕ່ດຽວນີ້ຂາດຫາຍໄປ ເພາະລາວກຳລັງກ້າວເດີນເຂົ້າສູ່ສັງຄົມບໍຣິໂພກນິຍົມ.
1.1. ສະທ້ອນພາບສັງຄົມ:
- ລັກສະນະທາງສັງຄົມລາວນັ້ນ ຍ່ອມມິວີຖີຊີວິດຂອງຕົນເອງອັນເປັນສັງຄົມມະຫາພາກຂອງຊາວລ້ານຊ້າງ, ສັງຄົມຂອງຊາວລ້ານຊ້າງແຕ່ລະ ທ້ອງຖິ່ນກໍຍ່ອມມີວິຖີຊີວິດຂອງຕົນເອງ, ສັງຄົມລາວກໍເຊັ່ນດຽວກັບສັງຄົມໂລກ ຍ່ອມຂຶ້ນກັບອາຊີບ ແລະການດຳຣົງຊີວິດ ກ່າວຄື ການລ່າສັດ, ສັງຄົມກະເສດປູກຝັງ ເຮັດໄຮ່ ໃສ່ນາ ລ້ຽງສັດ, ສັງຄົມຊົນເຜົ່າ, ເຈົ້າກົກເຈົ້າເລົ່າ ເຊິ່ງແຕ່ລະສັງຄົມຍ່ອມມີຣະບົບເສດຖະກິດ ການເມືອງ ແລະວັດທະນະທັມທີ່ຕ່າງກັນ ຜົນສະທ້ອນອອກມາກ ເຜັນວິຖີຊີວິດຕາມໃນຍະແຫ່ງສຸພາສິດຂອງຊາວລ້ານຊ້າງທີ່ຂະຈາຍອອກມາຈາກ ສັງຄົມຄອບຄົວ ຊຸມຊົນ ແລະສັງຄົມລວມຂອງຊາດ.
- ການດຳເນີນຊີວິດ ຢູ່ຮ່ວມດັນໃນສັງຄົມຂອງມະນຸດຈຳເປັນຕ້ອງມີກົດເກນ ເປັນຕົວຊີ້ທາງໃຫ້ສະມາຊິກຂອງສັງຄົມດຳເນີນໄປຕາມຄັນລອງ ທີ່ສັງຄົມຕ້ອງການ ເຄື່ອງມີໃນການຊີ້ທາງດັ່ງກ່າວ ຈຶ່ງຖືກກຳນົດຂຶ້ນໃນຮູບແບບບັນທັດຖານທາງສັງຄົມ ຄ່ານິຍົມທີ່ໄດ້ເກີດຂຶ້ນຈາກບຸກຄົນ ກຸ່ມຄົນ ແລ້ວຖ່າຍທອດມາ ວ່າເຮົາມີການຕັດສິນທີ່ຈະເລືອກແນວທາງໃນການປະຕິບັດຂອງຕົນຕາມປັດເຈກຊົນ ຊາວລາວເຮົາໃຫ້ຄວາມສຳ ຄັນກັບຄຳຖາມທີ່ວ່າ ເຮົາຄວນຈະເລືອກການມີຊີວິດຢູ້ຢ່າງໃດ ? และควรทำอย่างไร และควรเว้นอะไร สิ่งเหล่านี้ล้วนมีอย่างละเอียดตั้งแต่เรื่องของมารยาท การเลือกคบคนอย่างไรจึงจะดี และควรเลือกคนอย่างไรมาเป็นคู่ชีวิตของตนเอง และจะปฏิบัติต่อคนประเภทต่างๆอย่างไร เช่น กับพ่อแม่ พ่อตาแม่ยาย ลูกเขย ลูกสะใภ้ และต่อพระสงฆ์ ควรจะวางตนอย่างไร เป็นหน้าที่ของจริยธรรมจะชี้บอกทางให้ และสังคมชาวอีสานยังมีเอกลักษณ์อย่างหนึ่งคือ เป็นชุมชุนที่ยึดถือระบบญาติมิตรมาก เพราะความจำเป็นทางสังคมก็ดี ทางสิ่งแวดล้อมก็ดีล้วนแต่เป็นปัจจัยเกื้อกูลกันและกันให้ชาวอีสานต้องทำอย่างนั้น และชาวอีสานชอบแสวงหาความสงบสันติทางสังคม ดังจะเห็นอิทธิพลของสุภาษิตอีสานซึ่งเท่าที่พบจากวรรณกรรมคำสอนต่างๆพอประมวลจริยธรรมของบุคคลต่างได้ ๖ ประการคือ
๑ ) บิดามารดา
พ่อแม่เป็นผู้มีพระคุณต่อลูกๆสุดจะพรรณนา และรักลูกยิ่งกว่าสิ่งใด ถ้าจะเปรียบก็ประดุจดวงตาดวงใจก็ไม่ผิด พ่อแม่ทุกคนย่อมตั้งอยู่ในคลองธรรมและปฏิบัติต่อลูกหลาน ในสิ่งที่เป็นประโยชน์แก่ลูก อุตสาห์เลี้ยงดูตั้งแต่เล็กจนโต ให้ลูกได้ศึกษาเล่าเรียนความรู้ซึ่งจะช่วยให้ลูกมีสติปัญญาแนะนำเกี่ยวกับการอาชีพ สำหรับลูกผู้ชายเมื่อมีอายุครบบวชพ่อแม่ก็จัดการบวชให้ พ่อแม่ย่อมเอื้ออาทรรักและห่วงใยลูก สิ่งใดไม่ดีพ่อแม่ก็แนะนำห้ามปราม มิให้กระทำชั่วพยายามให้ตั้งอยู่ในคุณความดี จัดหาคู่ครองที่สมควรหรือจัดแต่งงานให้ตามจารีตประเพณีและหากมีทรัพย์ก็มอบให้ลูกครอบครองแทนตนต่อไป พ่อแม่มีพระคุณต่อลูกถึงจะด่าลูกๆบ้างก็เพื่อความหวังดีของท่าน ดังคำกลอนสุภาษิตว่า
พ่อแม่ฮักลูกเต้าเสมอดังดวงตา เถิงซิมีคำจาด่าเซิงคำฮ้าย
เผิ่นหากหมายดีด้วยดอมเฮาจั่งฮ้ายด่า ความปากว่าบ่แพ้หัวใจนั้นหากบ่นำ
ยามเฮามีความต้องเจ็บเป็นไข้ป่วย เผิ่นบ่ป๋าปล่อยถิ่มเฮาไว้ถ่อเม็ดงา
มีแต่แหล่นซ้วนหน้าหาของกินมาฝาก ยากนำลูกน้อยๆความเว้าจ่มบ่เคย 5 นุ่ม
ภาคอีสานมีระบบเครือญาติที่สูงซึ่งจะพบว่าบรรดาลุง ป้า น้า อา และพี่ นับเป็นญาติชั้นสูงอาวุโส ควรรู้วางตนให้สมกับเป็นที่เคารพนับถือของลูกหลานและญาติพี่น้อง มีเมตตาธรรมไม่ถือตัวโอ้อวดมีอะไรก็ช่วยสงเคราะห์เป็นที่พึ่งพาอาศัยของญาติพี่น้องลูกหลานได้ หากลูกหลานและญาติพี่น้องถูกใคร่รังแกก็อาศัยเป็นที่พึ่งพากันในยามทุกข์ยากได้ คุณปู่ ย่า ย่อมเป็นที่รักและเคารพของลูกหลาน เปรียบประดุจด้วยเป็นร่มโพธิ์ร่มไทรของลูกหลานดังคำโบราณอีสานว่า ดังคำโบราณว่า
ฝูงเฮาผู้เป็นลุงป้าอาวอาน้าพี่ ให้มีใจฮักพี่น้องวงศ์เชื้อลูกหลาน
คนใดมีทุกข์ฮ้อนอ้อนแอ่วมาหา ซ่อยอาสาเป่าปัดให้ส่วงคลายหายเศร้า
การครองย้าว เอาศีลธรรมเป็นที่เพิ่ง ตามเปิงฮีตบ้านปางเค้าเก่ามา
ไผมีงานหนักหนาให้หาทางซดซ่อย บรรดาลูกหลานส่ำน้อยดีใจล้ำอุ่นทรวงฯ
อันปู่ย่านั้นหากฮักลูกหลานดั่งเดียวหลาย ทั้งตายายก็ฮักลูกหลานหลายดั่งเดียวกันนั้น
ลูกหลานเกิดทุกข์ยากไฮ้ได้เพิ่งใบบุญ คุณของปู่ย่าตายายหากมีหลายเหลือล้น
ควรที่ลูกหลานทุกคนไหว้บูชายอยิ่ง เปรียบเป็นสิ่งสูงยกไว้ถวยเจ้ายอดคุณ
บุญเฮาหลายแท้ที่มีตายายปู่ย่า เพราะว่าเพิ่นเป็นฮ่มให้เฮาซ้นอยู่เย็น ฯ
แม้แต่ผู้ที่ไม่ใช่ญาติตนเองก็ยังมีความนับถือกัน ซึ่งจะมีทั้งคนที่มีคุณธรรมในชุมชนของตนเองก็ยังได้รับการเคารพ โดยถือกันว่าเป็นแนวทางของการปฏิบัติต่อท่านผู้สูงอายุ ธรรมเนียมของชาวอีสานมักจะเคารพผู้อาวุโสในด้านต่างๆอาจเป็นด้วยวัยวุฒิ คุณวุฒิ และชาติวุฒิเป็นต้น ดังนั้นคนเฒ่าคนแก่จะควรเป็นแบบอย่างให้แก่ลูกหลานทั้งในด้ายความประพฤติและด้านจิตใจ ดังคำโบราณอีสานว่า
เป็นผู้เฒ่าให้ฮักลูกหลานเหลน เป็นขุนกวนให้ฮักการเมืองบ้าน
สมสถานเบื้องเฮิงฮมย์ถ้วนทั่ว อย่าได้ฮักผิ่งพุ้นซังพี้บ่ดี
อันว่าเฒ่าบังเกิดสามขานั้นฤา หมายถึงคนวัยสูงผู้ควรถือหน้า
ย้อนว่าเอาตนเข้าถือศีลฟังเทศน์ เถิงกับสักค้อนเท้าไปด้วยใส่ใจ
ชาติที่เฒ่าบ่ฮู้วัตรคลองธรรม ปาปังแถมซู่วันเวียนมื้อ
เถิงว่าวัยชราเฒ่าหัวข่าวแข้วหล่อน อายุฮ้อนขวบเข้าบ่มิผู้นับถือ แท้แหล่ว
๓.๒.๓.๓. สามีและภรรยา
ภรรยาคือชื่อว่าเป็นช้างท้าวหลังธรรมเนียมชาวอีสานเรียกว่าธรรมเนียมของภรรย169 เป็นการสอนในการครองเรือนให้มีความสุขที่เป็นข้อปฏิบัติสำหรับสามีภรรยาที่ต้องมีความรักใคร่ต่อกัน การประพฤติหลักของอีตผัวคองเมียนี้นับว่ามีความสำคัญอย่างยิ่ง เพราะธรรมดาทัศนะคติของคนสองคนที่มาเป็นคู่ครองกันนั้นย่อมแตกต่างกันไปตามอุปนิสัยบางคนแข็งกระด้างบ้างคนอ่อนน้อม ดังนั้นปราชญ์อีสานจึงสอนว่าการเป็นสามีภรรยากันนั้นมันง่ายแต่จะครองรักอย่างไรจึงจะมีความสุขได้ ตามความเชื่อของคนไทยโบราณสอนว่าสามีเป็นช้างเท้าหน้าภรรยาเป็นช้างเท้าหลัง เพราะสมัยโบราณนั้นผู้หญิงก็มีความเชื่อเช่นนั้นเป็นทุนอยู่เดิมเหมือนกันดังจะเห็นได้จากวรรณกรรมของอีสานทุกเรื่องจะอบรมสั่งสอนลูกหญิงให้เชื่อฟังผู้เป็นสามีแต่ฝ่ายเดียว อาจเป็นด้วยเหตุก็ได้ที่ทำให้หญิงไทยชาวอีสานเป็นช้างเท้าหลังตลอดมา แต่ในภาวะทุกวันนี้ทัศนะให้เรื่องเหล่านี้เริ่มเสื่อมลงไปตามภาวะเศรษฐกิจและบ้านเมืองที่เจริญมากขึ้นสิทธิสตรีก็เสมอกับชายทุกประการ แต่ถึงกระนั้นก็ตามหญิงก็คือหญิง สุภาษิตอีสานจะสอนให้ผัวเมียได้รู้จักปรับตัวเองให้เข้ากับสถานภาพของตน คือเมื่อเป็นสามีภรรยากันจะต้องรู้จักให้เกียรติกัน เคารพญาติทั้งสองฝ่าย ให้มีความขยันมั่นเพียรในการทำมาหากิน ให้รักเดียวใจเดียวชื่อสัตย์ต่อกัน ดังคำกลอนสุภาษิตโบราณอีสานสอนในเรื่องหน้าที่ของภรรยาไว้ ๕ ประการว่า
๑) กิจการบ้านให้ทางเมียเป็นใหญ่ให้เมียเป็นแม่บ้านการสร้างซ่อยผัว
๒) ให้มีจาจาเว้าแถลงนัวเว้าม่วนอย่าได้ซึมซากฮ่ายคำเข้มเสียดสี
๓)ให้เมียเคารพชาติเชื้อสกุลฝ่ายทางผัวอันว่าญาติกาวงศ์วานทางฝ่ายผัวให้ค่อยยำเกรงย้าน
๔) ให้ฮู้จักทำการเกื้อบริวารเว้าม้วนสงเคราะห์ญาติพี่น้องเสมอก้ำเกิ่งกัน
๕) สินสมสร้างศฤงคารทรัพย์สิ่งผัวมอบให้เมียฮู้ฮ่อมสงวน
แม่ศรีเรือนตามที่ปรากฏในคำสอนชาวอีสานนั้นยังมีอีกนัยหนึ่งคือการใช้จ่ายทรัพย์ที่สามีหามาได้นั้นจะต้องคิดถึงความคุ่มค่าของสิ่งที่จะชื่อให้เป็นประโยชน์ต่อครอบครัวมากที่สุด ดังคำสอนที่ว่า
ควรที่จับจ่ายซื่อของจำเป็นสมค่าอย่าได้จับจ่ายใช้หลายล้นสิ่งบ่ควร
คันแม่นทำถึกต้องคองผัวเมียโบราณแต่งจักลุลาภได้ชยะโชคเจริญศรี
สถาพรพูนผลซู่อันโฮมเฮ้าจักงอกงามเงยขึ้นอุดมผลสูงส่งเงินคำไหลหลั่งเข้า
เจริญขึ้นมั่งมีบริบูรณ์ศรีสุขทุกข์บ่เวินมาใก้ล
นอกจากนี้ยังมีข้อแนะนำสำหรับผู้เป็นศรีภรรยาที่พึ่งยึดถือปฏิบัติตนในการครองเรือน การจะครองเรือนให้มีความผาสุขได้นั้นจะต้องมีทั้งจรรยามารยาทอันดีงามต่างๆเข้ามาประกอบด้วยคือประกอบพร้อมทั้งทางกาย วาจา และน้ำใจของภรรยา ซึ่งจะพบมากในคำกลอนโบราณของอีสานที่มักจะสั่งสอนลูกสาวของตนที่จะแยกครอบครัวออกไปจากพ่อแม่ ซึ่งชาวอีสานเรียกว่าข้อวัตรปฏิบัติสำหรับผู้เป็นภรรยา ดังคำสอนนี้ คือ
แนวแม่หญิงนี้บ่มีผัวซ้อนนอนนำก็บ่อุ่นแม่หญิงซิตั้งอยู่ได้เป็นใหญ่ใสสกุลก็เพราะคุณของผัวคว่ามาแปลงสร้างแม่หญิงนี้ซิมีคนย้านนบนอบยำเกรงก็เพราะบุญของผัว แม่หญิงซิมีคนล้อมบริวารแหนแห่ ก็ย้อนผัวแท้ๆอย่าจาอ้างว่าโต ผัวหากโมโหฮ้ายใจไวเคียดง่าย ให้นางเอาดีเข้าใจเว้าอย่างแข็ง อย่าได้แปลงความส้มขมในให้ผัวขื่น ให้เอาดีขื่นไว้ใจเจ้าให้อ่อนหวาน อุปมาเปรียบได้ดั่งอ้อมันหากอ่อนตามลม ธรรมดาว่าอ้อลมมาบ่ห่อนโค่น เพราะว่ามันบ่ตั้งขันสู่ต่อลม คือดังสมเสลานัอยสอยวอยงามยิ่ง ก่อผัวซิฮักกล่อมกลิ้งแฝงผั้นบ่มาย เพราะนางเป็นคนดีได้ใจบุญสอนง่าย บ่เป็นคนบาปฮ้ายใจบ้าด่าผัว มีแต่ทำโตน้อมถนอมผัวโอนอ่อน บ่แสนงอนดีดดิ้นศีลห้าหมั่นถนอม หาแต่แนวมาล้อมศีลธรรมคำขอบ เว้านอบน้อมต่อผัวนั้นซู่วัน
นี้คือคุณสมบัติของสตรีชาวอีสานที่ปฏิบัติต่อสามีและบุคคลๆ ตลอดถึงมีความขยันและเอาใจใส่ในพระพุทธศาสนา และให้ตั้งมั่นอยู่ในศีลและธรรมพร้อมทั้งเป็นผู้มีจิตใจอันเป็นบุญเป็นกุศล นี้คือกุลสตรีตามทรรศนะของคำสอนอีสาน จะพบว่าเป็นยอดหญิงอย่างแท้จริง ถ้าทำได้อย่างนี้
๑.สามี
๑) ให้ผัวพาเมียสร้างนาสวนปลูกหว่านพาเมียเป็นแม่บ้านครองเย้าให้อยู่ดี
๒) ให้วาจาเว้าแถลงนัวเว้าม่วนอย่าได้ซึกซากฮ่ายคำเข้มเสียดสี
๓) ให้เคารพชาติเชื้อสกุลฝ่ายทางเมีย
๔) การละเล่นหวยโปเบี้ยถั่วทางนักเลงสุราพร่ำพร้อมอย่าวอนเว้าอ่าวหา
๕) สินสมสร้างศฤงคารทรัพย์สินมอบให้เมียเมี้ยน(เก็บรักษา)ไว้ในย้าวจั่งแม่นคอง
(ให้สามีพาภรรยาทำไร่ทำนาปลูกผักและนำพาเมียเป็นแม่บ้านที่ ให้พูดจากันด้วยความไพเราะอย่าได้พูดจาเสียดสีกันเอง ให้เคารพตระกุลหรือญาติฝ่ายทางภรรยา และให้หลีกหนีทางฉิบหายคือการเล่นหวย ไฮ่โล โปถั่วกระทั้งนักเลงสุราอย่าได้เข้าใกล้มันเลย อีกทั้งทรัพย์สมบัติทั้งปวงที่หามาให้มอบให้ภรรยาเป็นผู้ดูแล) ดังนั้นวัตรปฏิบัติที่สามีหรือลูกผู้ชายคือทำนั้น คนโบราณอีสานมักสอนไว้ดังนี้คือ
ขอให้เจ้าตื่นเดิกไปไฮ่ก่อนกา ขอให้เจ้าตื่นเดิกไปนาก่อนไก่
ให้เจ้าไปจับฮั่วอ้อมบ่อนควายเลียม บ่าแบกเสียมทั้งไปยามส้อน
เลยเบิ่งต้อนเบิ่งหลี่เบิ่งไซ เห็นน้ำไหลคันนาให้ฮีบอัดเอาไว้
ปีใดแล้งย่อมได้กินข้าวปลา ให้เจ้ามีปัญญาคึดหาเครื่องปลูก
ทั้งส้มสูกกล้วยอ้อยของเจ้าซู่ยาม ตามดอนนาปลูกพริกหมากเขือน้ำเต้า
ทั้งหมากพร้าวมี้ม่วงตาล ส้มและหวานหมากพลูอย่าคร้าน
(ขอให้เจ้าตื่นแต่เช้าไปไร่ก่อนกา ขอให้เจ้าตื่นดึกไปนาก่อนไก่ ให้เจ้าไปทำรั่วล้อมไม่ให้ควายเข้าได้ทั้งบ่าเจ้าให้ถือเอาเสียมและไปกู้ต้อน(ที่ดักปลา) พร้อมทั้งดูต้อนและดูหลี่ ดูไซ เห็นน้ำไหลเข้าคันนาให้รีบปิดเอาไว้ ปีใดน้ำแล้งย่อมได้กินข้าวและปลา ให้เจ้ามีปัญญาคิดหาเครื่องปลูก ทั้งส้ม กล้วย อ้อยของเจ้าทุกเวลา ตามที่ตอนในนาให้ปลูกพริกและมะเขือและน้ำเต้า อีกทั้งมะพร้าว ขนุน มะม่วง และต้นตาล ทั้งเปรี้ยวและหวาน หมากพลูกอย่าเกลียดคร้าน) คำสอนนี้มุ่งเน้นให้ผู้ชายควรรู้จักขยันทำมาหากินเพื่อความมั่งคั่งของครอบครัว และยังสอนให้สามีควรรู้จักแสวงหาเครื่องมือในการประกอบอาชีพต่างๆ เช่น แห่ สุ่ม และเครื่องมือในการทำนา ดังคำสอนนี้คือ
คันเจ้าอยู่บ้านให้เบิ่งเฮือนซาน เบิ่งสถานปักตูป่องเอี้ยม
ให้เจ้าเยี่ยมเบิ่งข้อง แห มอง ทั้งสุ่ม ของซุมนี้แพงไว้เฮ็ดกิน
ฝนตกรินฮำย้อยอย่าถอนกลัวย่าน เถิงซิตกสาดพังฮองเข้าใส่โองไห
คาดไถแอกให้หลาไนมีทุกสิ่ง ทั้งสวิงกำพ้นฟืมพร้อมใส่กระส่วย
ของหมู่นี้ซิซ่อยให้มีอยู่มีกิน ผัวให้ยินดีหาอย่าไลลาค้าน
อันหนึ่งให้เจ้าค้าซื้อถึกขายแพง คึดล่ำแยงหาเงินใช้จ่าย
ขายหมากไม้แม่วัวโตควาย ทางใดซิรวยให้เจ้าคึดฮำดูเลิงถ้อนฯ
(ถ้าเจ้าอยู่บ้านให้ดูแลบ้านเรือนดูทุกอย่างทั้งประตูหน้าต่าง ให้เจ้าดูแลข้อง แห มอง ทั้งสุ่ม ของพวกนี้รักษาไว้ทำกิน เมื่อฝนตกรินอย่าเกรงกลัว ถ้าฝนตกมากให้รีบรองเอาไว้ใส่ตุ่ม ทั้งคาดไถแอก หลา ไน มีทุกอย่าง ทั้งสวิง กำพัน ฟืม กระส่วย (เครื่องอุปกรณ์ในการกอด้ายนำมาทอเป็นผ้า) สิ่งของเหล่านี้จะช่วยให้มีสิ่งของใช้ สามีให้ยินดีหามาอย่าได้ขี้เกลียด อีกอย่างหนึ่งให้เจ้าค้าขายด้วยการซื้อถูกขายแพง คิดให้ดีทางหาเงินมาใช้จ่าย มีขายผลไม้ วัว ควาย ทางไหนจะร่ำรวยให้เจ้าคิดพิจารณาให้รอบคอบ)
วัตรปฏิบัติสำหรับผู้เป็นสามี คือ
ขอให้เจ้าตื่นเดิกไปไฮ่ก่อนกา ขอให้เจ้าตื่นเดิกไปนาก่อนไก่
ให้เจ้าไปจับฮั่วอ้อมบ่อนควายเลียม บ่าแบกเสียมทั้งไปยามส้อน
เลยเบิ่งต้อนเบิ่งหลี่เบิ่งไซ เห็นน้ำไหลคันนาให้ฮีบอัดเอาไว้
ปีใดแล้งย่อมได้กินข้าวปลา ให้เจ้ามีปัญญคึดหาเครื่องปลูก
ทั้งส้มสูกกล้วยอ้อยของเจ้าซู่ยาม ตามดอนนาปลูกพริกหมากเขือน้ำเต้า
ทั้งหมากพร้าวมี้ม่วงตาวตาล ส้มและหวานหมากพลูอย่าคร้าน

๓.๒.๓.๔. มิตรและสหาย
การจะมีจะมีชีวิตที่เจริญก้าวหน้านั้นควรที่จะเลือกสรรหาแต่คนที่ดี เพื่อนำทางชีวิตของตนให้ไปในทางเจริงรุ่งเรืองและเว้นจากมิตรที่จะนำทางไปในทางเสื่อม นั้นคือความมีเพื่อนที่ดีควรเว้นเพื่อนที่เลว แม่แต่ในพุทธปรัชญาก็เน้นมากในเรื่องการเลือกคบกับบัณฑิต ดังคำผญาภาษิตอีสานว่า
อันหว่าบัณฑิตล้ำทรงธรรมทัดเที่ยง ก็หากหายากแท้ในพื้นแผ่นดินถ่านเอย
บาดหว่าคนซั่วฮ้ายหีนะโหดแนวพาล มันหากมีทั้งผองทั่วแผ่นดินแดนด้าว หน้า 31นุ่ม
ลักษณะทางร่างกายของคนก็มีส่วนสำคัญเช่นกันที่จะทำให้ทราบในเบื้องต้นว่าคนอย่างใดควรจะคบเป็นมิตรสหายได้ทรรศนะของปรัชญาอีสานได้กล่าวถึงนรลักษณ์ว่า “ตาบอดอย่าเอาฮ่วมเฮียน ตาเบียนอย่าเอาฮ่วมบ้าน ขี้คร้านอย่าเอาเป็นหมู่เป็นฝูง 1การคบคนเช่นใดย่อมจะแสดงพฤติกรรมไปตามบุคคลนั้น การสมาคมกับคนที่เป็นมิตรเทียมนั้นมักจะส่งผลในทางเสียหายมากกว่าดังสุภาษิตว่า “อย่าเกลือกกลั้วฝูงหมู่คนพาล มันสิพาเฮาตกต่ำตอยเป็นข้า2 การนับเอาสิ่งไม่ดีไปปูบนเรือนนั้นย่อมไม่งามเช่นเดียวกันกับการไม่จริงใจต่อเพื่อนก็ไม่เหมาะที่คบเช่นกัน ดังสุภาษิตว่า “เชื้อสาดคล้าอย่าได้ปูเฮือน คนตาเบือนอย่าเอาเป็นเพื่อนพ้อง มันสิเป็นล้องค้องคือเกี่ยวสองคม3 รูปแบบเป็นสิ่งจำเป็นยิ่งสำหรับคนเพราะคนจะดีหรือเลวนั้นมีส่วนหนึ่งเกิดจากการเรียนแบบมากจากบุคคลอื่น ปรัชญาอีสานได้สอนให้รู้จักเลือกแบบที่ดีงามและเว้นตัวอย่างที่ไม่ดีเสีย ดังคำสุภาษิตว่า “คนใจทรามอย่าเอาเป็นแบบ คนใจแคบอย่าได้เป็นฝูง คนใจสูงจั่งย่างนำก้น4 กรรมเท่านั้นที่ส่งผลมาให้ชีวิตมนุษย์เรามีรูปร่างหน้าตาที่ดีงามหรือขี่เหร่ ไม่มีใครเลือกได้แต่บางอย่างนั้นเมื่อเราไม่มีก็ควรหาสิ่งที่ตนเองขาดไปมาเพิ่มเติมให้เติมได้ ถ้าญาติไม่มีก็ควรหาเพื่อนมาทดแทนญาติพี่น้องได้ ดังสุภาษิตว่า “ผมบ่หลายให้เติ่มซ้อง พี่น้องบ่หลายให้ตื่มเสี่ยว5 มิตรมีความสำคัญยิ่งสำหรับเป็นพื้นฐานของชีวิตมนุษย์เรา เพราะมนุษย์นั้นเป็นสัตว์สังคมจะต้องพึ่งพาอาศัยกันและกัน ดังคำกลอนสอนว่า
อันนี้ขอให้หลาจื่อไว้จนกระดูกแขวนคอ อย่าได้วอวอเสียงลื่นคนทั้งหลาย
เห็นว่ามีสุขแล้วบ่เหลียวแลพวกเพื่อน คันแม่นสุขบ่ล้วนสิเหลียวหน้าเบิ่งไผ694

No comments:

Post a Comment