- ການປຸກເຮືອນໃໝ່ ຄົນລາວດຽວນີ້ຖືກັນໜັກກັນໜາ ຕ້ອງໄປຊອກຫາມື້ຫາວັນດິບດີຈຶ່ງຈະໄດ້ລົງມືລົງເສົາແຮກເສົາເຂັມ ຕັ້ງເສົາແຮກເສົາແຮກແລ້ວຜູ້ມີເງິນກໍຮີບປຸກຮີບແລ້ວ, ບາງຄົນບໍ່ມີເງິນກໍຮີບລົງເສົາແຮກ ເອົາມື້ເອົາວັນດິບວັນດີ ປຸກແລ້ວຍາມໃດກໍບໍ່ເປັນຫຍັງ ຂໍແຕ່ໃຫ້ມື້ດີ ມີຫຼາຍຄົນ ຮີບແທ້ຮີບວ່າ ບາງຄົນຊ່າງປລັງຍັງບໍ່ທັນຜ່ານ, ບາງຄົນຊ່າງຍັງບໍ່ທັນໄດ້ຈ້າງ ຟ້ານິມົນພຣະມາສູດຖອດລົງເສົາເຂັມ ໄວ້ກ່ອນເອົາມື້ດີ ອັນນີ້ແລ່ນນໍາມື້ດີ, ບາງຄົນຟ້ານໍາປີ ຍິນເຂົາຊ່າລືກັນວ່າປີຂານປຸກເຮືອນບໍ່ໄດ້ວ່າຈັ່ງຊັ້ນ ກໍຟ້າວປຸກເຮືອນຕັ້ງເສົາແຮກ ເສົາຂວັນໄວ້ກ່ອນແຕ່ປີປີສະຫຼຸບພີ້ ທັງໆທີ່ຍັງບໍ່ທັນມີງົບປະມານພໍ, ແຕ້ມແບບຍັງບໍ່ທັນແລ້ວຊໍ້າ ຟ້າວລົງເສົາແຮກໄວ້ກ່ອນຮອດປີຂານຊິປຸກ ບໍ່ໄດ້, ມີເຈົ້າໜຶ່ງແລ່ນຕາລິງຕາຈໍມານິມົນພຣະໃຫ້ໄປສູດຕັ້ງເສົາແຮກມື້ອື່ນເຊົ້າ ເປັນ 9 ຄໍ່າ ນິມົນວັດອາຈານ 4 ອົງ ແລະນິມົນວັດຍາທ່ານອີກ 5 ລວມກັນເປັນ 9 ຮອດມື້ອື່ນເຊົ້າ ເຂົາມາຮັບເຫັນຍາທ່ານພ້ອມດ້ວຍພຣະນັ່ງຢູ່ພຸ້ນກ່ອນແລ້ວ ຈັ່ງແມ່ນມັນຄັກ ບໍ່ຈືເດືອນເພາະຕັ້ງແຕ່ປີສະຫຼຸ ພຸ້ນ ບາດໄປຮອດແລ້ວອີຫຍັງກະຍັງບໍ່ທັນມີ ເສົາກະຍັງບໍ່ທັນຂຸດ, ພາມຸງຄຸນຍັງບໍ່ທັນມີ, ເຄື່ອງສູດຖອດຍັງບໍ່ທັນຕັ້ງ, ເສົາຊິຕັ້ງຍັງບໍ່ທັນມີ ເອົາໄປເອົາມາໃຫ້ພຣະໄປນ່ັງໜາວຢູ່ກາງເດີນແຕ່ 7 ໂມງ ຈົນຮອດ 9 ໂມງ, (ວັ້ນນັ້ນກະແປກແທ້ແປກວ່າໜາວພິລຶກກຶກກີ) ບາດສູດແລ້ວ ເຂົາກໍນິມົນສັນເຂົ້າເຮືອນເຂົາເພາະຈວນເພນ, ສ່ວນຍາທ່ານຄານິມົນທີ່ອື່ນກັບໄປກ່ອນ ຈຶ່ງຖາມເຈົ້າຂອງປຸກເຮືອນວ່າ ເປັນຫຍັງຄືປຸກຟ້າວປຸກ ຟັ່ງແທ້ ອີສັງກະຍັງບໍ່ທັນແລ້ວ ຮ່າວມາລົງເສົາແຮກ, ຈັກແລ້ວເພິ່ນວ່າປີໜ້າ(ປີຂານ) ປຸກເຮືອນບໍ່ໄດ້ ແລະວັນນີ້ກະເປັນວັນດີ ເພິ່ນວ່າຈັ່ງຊັ້ນ ກະເລີຍອິລຸບປຸບປັບ ເຮັດຫຍັງນຳບໍ່ທັນ.
- ອາຕະມາວ່າ ອືມ໌.....ວັນນີ້ກະຊົງດີອີຫຼືໃດ ໜາວແທ້ໜາວວ່າ ໜາວແບບບໍ່ມີໃນປະຫວັດການເລີຍ, ຈາກວັນນັ້ນ ເຖິງວັນນີ້ ເຮືອນຫຼັງນັ້ນ ຍັງບໍ່ທັນໄດ້ປຸກຊ້ຳ.
- ບາດນີ້ມາເວົ້າເລື່ອງປຸກແລ້ວ ພັດມີແນວມາວ່າ ແທນທີ່ຊິເອົາພຣະສົງອົງຄະເຈົ້າໄປຂຶ້ນເຮືອນ ຫາມື້ດີ ມື້ງາມເໝືອນກັບຕອນປຸກ, ກັບມີ ຄຳເວົ້າໃໝ່ອອກມາອີກວ່າ ປຸກເຮືອນແລ້ວ ໃຜຊິເອົາພຣະມາຂຶ້ນກ່ອນລະ ເຮືອນເຈົ້າຍັງໃໝ່ຢູ່, ບາງກໍວ່າຢູ່ໄປກ່ອນ 1 ປີ, ບາງກໍວ່າ ຢູ່ໄປກ່ອນຮອດ 3 ປີ, ບາດຮອດ 1 ຫຼື 3 ປີ ແລ້ວກໍມີຄຳເວົ້າເຂົ້າມາອີກວ່າ ຕ້ອງເຮັດບຸນເຮືອນໄປອີກ 3. ປີຊ້ອນ.
- ທີ່ຍົກຕົວຢ່າງມາຂ້າງເທິງນັ້ນ ເປັນຕົວຢ່າງທີ່ເກີດມາໃນສັງຄົມເມືອງ ໂດຍສະເພາະນະຄອນຫຼວງວຽງຈັນ ອາດຊິຂະຫຍາຍຕົວໄປຮອດ ບ້ານນອກ ແລະເມືອງນອກໆແລ້ວ, ເພາະປະເພນີແບບນີ້ເກີດຂຶ້ນທີ່ວຽງຈັນກ່ອນ ມັນຍ່ອມມີອິດທິພົນຕໍ່ຄົນຊົນນະບົດເປັນຢ່າງຍິ່ງ ຫາກແນວຄິດນີ້ຂະຫຍາຍຕົວໄປ ຄົງຈະໄວວາ ເພາະການສື່ສານສະດວກກວ່າແຕ່ເດີມ.
- ເມື່ອຄວາມຄິດແບບ ນີ້ຖືກຂະຫຍາຍຕົວໄປທົ່ວສັງຄົມ ກໍບໍ່ສາມາດທີ່ຈະລະເລີກໄດ້ ກໍພາກັນເຮັດຈົນກາຍເປັນປະເພນີ. ຜູ້ສຶບທອດກໍວ່າ ເປັນການປະຕິບັດຖືກ ເພາະເຫັນວ່າຜູ້ເຖົ້າຜູ້ແກ່ພາເຮັດ, ຈິງຢູ່ວ່າປະເພນີ ເປັນສິ່ງທີ່ຄວນຢຶດໝັ້ນ ຢຶດຖື ແຕ່ປະເພນີບາງປະເພນີ ຂັດຕາມຫຼັກ ຄຳສອນກໍດີ, ເປັນຫົນທາງແຫ່ງຄວາມເສື່ອມ, ບໍ່ກໍ່ເກີດທາງບຸນ ກໍບໍ່ຄວນສົ່ງເສີມ ແລະສະໜັບສະໜຸນ, ອີກອັນໜຶ່ງ ຫາກພຶດຕິກັມໃດ ທີ່ກາຍເປັນປະເພນີ ຫາກອະທິບາຍທາງເຫດຜົນບໍ່ໄດ້, ບໍ່ມີຫຼັກຖານອ້າງພໍເໝາະ ກໍຍິ່ງບໍ່ສົມຄວນຈະສົ່ງເສີມ ນັກປາດ ຫຼືທ່ານຜູ້ຮູ້ຄວນແນະ ນຳກ່າວເຕືອນ ຫາກເຮົາເປັນຊາວພຸດແທ້ ເວັ້ນເສັຍແຕ່ບາງທ່ານ ບາງຄົນບໍ່ແມ່ນຊາວພຸດນັ້ນ ກໍຍົກເປັນເລື່ອງໜຶ່ງ ເພາະວິທິ ຫຼືປະເພນີຄວາມ ເຊື່ອຂອງຄົນຕ່າງສາສນາ ແລະວັດທະນະທັມກໍຍ່ອມຕ່າງກັນເປັນທັມມະດາ ອັນນັ້ນກໍບໍ່ວ່າກັນ.
- ແຕ່ຫາກເປັນວິທີຂອງຊາວພຸດແລ້ວ ທຸກໆ ຢ່າງໃນກິດຈະກັມຂອງຊີວິດເຮົາ ຍ່ອມເອົາຄຳສອນ ແລະແນວທາງຂອງພຸດທະສາສນານໍາໜ້າ, ເຊັ່ນການຖືຣຶກງາມຍາມດີນີ້ ຫາກເປັນພຸດທະແທ້ ທີ່ເດີນຕາມທາງປາຣະມັດແທ້ ເພີ່ນຈະບໍ່ຖືກຣືກຖືຍາມເດັດຂາດ, ເພິ່ນຖືກວ່າ ຣືກດີ, ຍາມດີ, ຊົ່ວດີ, ຂະນະດີ, ບຸກຄົນດີ ແລະອື່ນຍ່ອມເປັນມຸງຄຸນທັງນັ້ນ ໂດຍສະເພາະຫາກບຸກຄົນດີ ທຸກຢ່າງຍ່ອມດີ, ການປະກອບກິດທາງ ສາສນາແມ່ນທຳປັດຈຸບັນໃຫ້ດີນັ້ນແມ່ນດີທີ່ສຸດ.
- ເຖິງປານນັ້ນ ຂັ້ນພຣະວິໄນ ແລະພິທີກັມທາງພຸດທະສາສນາກໍໃຫ້ກຳນົດຣືກ ພໍສົມຄວນ ຄື ລົງອຸໂປສົດຍາມວັນສິນ, ການໄຫວ້ພຣະເຊົ້າ ການໄຫວ້ພຣະເດີກ, ການໄຫວ້ພຣະແລງເປັນອາຈີນ, ການເຂົ້າພັນສາ ການອອກພັນສາ ຕ້ອງເຂົ້າແລະອອກຕາມພຸດທະບັນຍັດເທົ່ານັ້ນ ແມ່ນກະທັງການທຳກະຖິນ ເຂດກະໂິນກໍມີກຳນົດຕາຍຕົວ, ນອກນັ້ນ ແມ່ນເຮັດຕາມການຕົກລົງເໝາະສົມ ສັງຄົມນັ້ນໆ ກຳນົດຂຶ້ນເອງ ແລະພ້ອມກັນປະຕິບັດ ກໍຖືວ່າເປັນເລື່ອງດີ ເລື່ອງມຸງຄຸນ.
- ກ່ຽວກັບ ການເຮັດບຸນຂຶ້ນເຮືອນໃໝ່ນັ້ນ ເຖິງວ່າບໍ່ເປັນປະເພນີ ທີ່ພຣະພຸດທະອົງກຳນົດໄວ້ ແຕ່ປາກົດເວັນວ່າ ໃນສະໄໝພຸດທະການນັ້ນ ກໍມີຄວາມນິຍົມ ນິມົນພຣະສົງຂຶ້ນເຮືອນໃໝ່ ເພື່ອເປັນສີຣິມຸງຄຸນເຊັ່ນກັນ ດັ່ງເຮົາພົບໃນພຣະໄຕປິດົກ ສັງຄີຕິສູດ ດັ່ງລຸ່ມນີ້:
สังคีติสูตร
ข้าพเจ้าได้สดับมาอย่างนี้-
สมัยหนึ่ง พระผู้มีพระภาคเสด็จเที่ยวจาริกไปในแคว้นมัลละ พร้อมด้วย พระภิกษุสงฆ์หมู่ใหญ่ประมาณ ๕๐๐ รูป ได้เสด็จถึงนครของพวกมัลลกษัตริย์อัน มีนามว่า ปาวา ได้ยินว่า สมัยนั้น พระผู้มีพระภาคประทับอยู่ ณ สวนมะม่วง ของนายจุนทกัมมารบุตร เขตนครปาวา ฯ
ก็โดยสมัยนั้นแล ท้องพระโรงหลังใหม่ อันมีนามว่า อุพภตกะ ของพวกเจ้ามัลละแห่งนครปาวา สร้างสำเร็จแล้วไม่นาน ยังไม่ทันที่สมณพราหมณ์ หรือใครๆ ที่เป็นมนุษย์จะได้อยู่อาศัย พวกเจ้ามัลละแห่งนครปาวาได้สดับข่าวว่า พระผู้มีพระภาคได้เสด็จเที่ยวจาริกไปในแคว้นมัลละ พร้อมด้วยพระภิกษุสงฆ์หมู่ ใหญ่ประมาณ ๕๐๐ รูป เสด็จถึงนครปาวาโดยลำดับ กำลังประทับอยู่ ณ สวน มะม่วงของนายจุนทกัมมารบุตร เขตนครปาวา ฯ
ครั้งนั้นแล พวกเจ้ามัลละแห่งนครปาวา ได้พากันเข้าไปเฝ้าพระผู้มี พระภาคถึงที่ประทับ ครั้นแล้วถวายบังคมพระผู้มีพระภาค นั่ง ณ ที่ควรส่วนข้างหนึ่ง ได้กราบทูลพระผู้มีพระภาคว่า
ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ท้องพระโรงหลังใหม่ อันมีนามว่าอุพภตกะ ของ พวกเจ้ามัลละแห่งนครปาวา สร้างสำเร็จแล้วไม่นาน ยังไม่ทันที่สมณพราหมณ์ หรือใครๆ ที่เป็นมนุษย์จะได้อยู่อาศัย ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ขอพระผู้มีพระภาค จงเสด็จประทับ ณ ท้องพระโรงนั้นก่อนเถิด พระผู้มีพระภาคเสด็จประทับก่อนแล้ว ภายหลังพวกเจ้ามัลละแห่งนครปาวาจึงจักใช้สอย การเสด็จประทับก่อนของพระผู้มี พระภาคนั้น พึงเป็นไปเพื่อประโยชน์ เพื่อเกื้อกูล เพื่อความสุขแก่พวกเจ้ามัลละ แห่งนครปาวาสิ้นกาลนาน พระผู้มีพระภาคทรงรับด้วยดุษณีภาพแล้ว ฯ
ครั้นพวกเจ้ามัลละแห่งนครปาวา ได้ทราบการทรงรับของพระผู้มีพระภาค แล้ว จึงลุกจากอาสนะ ถวายบังคมพระผู้มีพระภาคทำประทักษิณแล้ว พากันไปยัง ท้องพระโรง ครั้นแล้วจึงปูลาดท้องพระโรงให้พร้อมสรรพ แต่งตั้งอาสนะ ให้ตั้ง หม้อน้ำ ตามประทีปน้ำมัน แล้วพากันเข้าไปเฝ้าพระผู้มีพระภาคถึงที่ประทับ ถวาย บังคมพระผู้มีพระภาค ได้ยืนอยู่ ณ ที่ควรส่วนข้างหนึ่ง ได้กราบทูลพระผู้มีพระภาค ว่า ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ท้องพระโรงพวกข้าพระองค์ปูลาดพร้อมสรรพแล้ว อาสนะก็แต่งตั้งไว้แล้ว หม้อน้ำก็ให้ตั้งไว้แล้ว ประทีปน้ำมันก็ตามไว้แล้ว พระเจ้าข้า พระผู้มีพระภาคย่อมทรงทราบกาลอันควรในบัดนี้ ฯ
ลำดับนั้นแล พระผู้มีพระภาคทรงครองอันตรวาสกแล้ว ทรง ถือบาตรจีวรเสด็จไปยังท้องพระโรง พร้อมด้วยภิกษุสงฆ์ ทรงล้างพระบาทแล้ว เสด็จเข้าไปยังท้องพระโรง ประทับนั่งพิงเสากลาง ผินพระพักตร์ไปทางทิศบูรพา แม้พระภิกษุสงฆ์ก็ล้างเท้าแล้วพากันเข้าไปยังท้องพระโรง นั่งพิงฝาด้านหลัง ผิน หน้าไปทางทิศบูรพา แวดล้อมพระผู้มีพระภาค แม้พวกเจ้ามัลละแห่งนครปาวา ก็พากันล้างเท้าแล้วเข้าไปยังท้องพระโรง นั่งพิงฝาด้านบูรพา ผินหน้าไปทางทิศ ปัจฉิมแวดล้อมพระผู้มีพระภาค ฯ
ครั้งนั้นแล พระผู้มีพระภาคทรงยังพวกเจ้ามัลละแห่งนครปาวาให้เห็นแจ้ง ให้สมาทาน ให้อาจหาญ ให้รื่นเริง ด้วยธรรมีกถาตลอดราตรีเป็นอันมาก แล้ว ทรงส่งไปด้วยพระดำรัสว่า ดูกรวาเสฏฐะทั้งหลาย ราตรีล่วงมากแล้ว บัดนี้พวก ท่านจงสำคัญเวลาอันสมควรเถิด พวกเจ้ามัลละแห่งนครปาวาได้พร้อมกันรับ พระดำรัสของพระผู้มีพระภาคว่า อย่างนั้น พระเจ้าข้า แล้วพากันลุกขึ้นจากอาสนะ ถวายบังคมพระผู้มีพระภาค กระทำประทักษิณแล้วหลีกไป ฯ
ลำดับนั้น พระผู้มีพระภาค เมื่อพวกเจ้ามัลละแห่งนครปาวา หลีกไปแล้วไม่นาน ได้ทรงเหลียวดูหมู่ภิกษุผู้นิ่งอยู่แล้วได้รับสั่งกะท่านพระสารีบุตรว่า ดูกรสารีบุตร ภิกษุสงฆ์ปราศจากถีนะและมิทธะ สารีบุตรจงแสดงธรรมีกถา แก่ภิกษุทั้งหลาย เราเมื่อยหลัง ฉะนั้น เราพึงพักผ่อน ท่านพระสารีบุตรได้ รับพระดำรัสของพระผู้มีพระภาคด้วยคำว่า อย่างนั้น พระเจ้าข้า ดังนี้ ลำดับนั้น แล พระผู้มีพระภาครับสั่งให้ปูผ้าสังฆาฏิเป็นสี่ชั้น แล้วทรงสำเร็จสีหไสยา โดยพระปรัศว์เบื้องขวา ทรงเหลื่อมพระบาทด้วยพระบาท มีพระสติสัมปชัญญะ ทรงกระทำความหมายในอันที่จะเสด็จลุกขึ้นไว้ในพระทัย ฯ
ก็โดยสมัยนั้นแล นิครนถ์นาฏบุตรทำกาละแล้วที่นครปาวาไม่ นานนัก เพราะกาลกิริยาของนิครนถ์นาฏบุตรนั้น พวกนิครนถ์จึงแตกกัน เกิด แยกกันเป็นสองพวก เกิดบาดหมางกัน เกิดการทะเลาะวิวาทกันขึ้น เสียดแทง กันและกันด้วยหอกคือปากอยู่ว่า ท่านไม่รู้ทั่วถึงธรรมวินัยนี้ ข้าพเจ้ารู้ทั่วถึง ท่าน จักรู้ทั่วถึงธรรมวินัยนี้ได้อย่างไร ท่านปฏิบัติผิด ข้าพเจ้าปฏิบัติถูก ถ้อยคำของ ข้าพเจ้าเป็นประโยชน์ ของท่านไม่เป็นประโยชน์ คำที่ควรจะกล่าวก่อน ท่าน กลับกล่าวภายหลัง คำที่ควรจะกล่าวภายหลัง ท่านกลับกล่าวก่อน ข้อที่ท่านช่ำชอง มาผันแปรไปแล้ว ข้าพเจ้าจับผิดวาทะของท่านได้แล้ว ข้าพเจ้าข่มท่านได้แล้ว ท่านจงถอนวาทะเสีย มิฉะนั้นจงแก้ไขเสีย ถ้าสามารถ ดังนี้ เห็นจะมีแต่ความ ตายอย่างเดียวเท่านั้นจะเป็นไปในพวกนิครนถ์ ผู้เป็นสาวกของนาฏบุตร ถึงพวก สาวกของนิครนถ์นาฏบุตรที่เป็นคฤหัสถ์ผู้นุ่งขาวห่มขาวก็มีอาการเบื่อหน่าย คลาย ความรัก รู้สึกท้อถอยในพวกนิครนถ์ผู้เป็นสาวกของนาฏบุตร ทั้งนี้เพราะธรรมวินัย อันนิครนถ์นาฏบุตรกล่าวไว้ไม่ดี ประกาศไว้ไม่ดี ไม่เป็นธรรมที่จะนำผู้ปฏิบัติให้ ออกจากทุกข์ได้ ไม่เป็นไปเพื่อความสงบระงับ มิใช่ธรรมที่ท่านผู้เป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้าประกาศไว้ เป็นธรรมวินัยมีที่พำนักอันทำลายเสียแล้ว เป็นธรรมวินัย ไม่มีที่พึ่งอาศัย ฯ
ครั้งนั้นแล ท่านพระสารีบุตรได้เล่ากะภิกษุทั้งหลายว่า ดูกรผู้มีอายุทั้งหลาย นิครนถ์นาฏบุตรทำกาละแล้วที่พระนครปาวาไม่นานนัก เพราะกาลกิริยาของนิครนถ์ นาฏบุตรนั้น พวกนิครนถ์จึงแตกกัน เกิดแยกกันเป็นสองพวก เกิดบาดหมางกัน เกิดการทะเลาะวิวาทกันขึ้น เสียดแทงกันและกันด้วยหอกคือปากอยู่ว่า ท่านไม่รู้ทั่ว ถึงธรรมวินัยนี้ ข้าพเจ้ารู้ทั่วถึง ท่านจักรู้ทั่วถึงธรรมวินัยนี้ได้อย่างไร ท่านปฏิบัติผิด ข้าพเจ้าปฏิบัติถูก ถ้อยคำของข้าพเจ้าเป็นประโยชน์ ของท่านไม่เป็นประโยชน์ คำที่ ควรจะกล่าวก่อน ท่านกลับกล่าวภายหลัง คำที่ควรจะกล่าวภายหลัง ท่านกลับกล่าว ก่อน ข้อที่ท่านเคยช่ำชองมาผันแปรไปแล้ว ข้าพเจ้าจับผิดวาทะของท่านได้แล้ว ข้าพเจ้าข่มท่านได้แล้ว ท่านจงถอนวาทะเสีย มิฉะนั้น จงแก้ไขเสีย ถ้าสามารถ ดังนี้ เห็นจะมีแต่ความตายอย่างเดียวเท่านั้นจะเป็นไปในพวกนิครนถ์ ผู้เป็นสาวก ของนาฏบุตร ถึงพวกสาวกของนิครนถ์นาฏบุตรที่เป็นคฤหัสถ์ผู้นุ่งขาวห่มขาว ก็มี อาการเบื่อหน่าย คลายความรัก รู้สึกท้อถอยในพวกนิครนถ์ ผู้เป็นสาวกของ นาฏบุตร ทั้งนี้ เพราะธรรมวินัยอันนิครนถ์นาฏบุตรกล่าวไว้ไม่ดี ประกาศไว้ไม่ดี ไม่เป็นธรรมที่จะนำผู้ปฏิบัติให้ออกจากทุกข์ได้ ไม่เป็นไปเพื่อความสงบระงับ มิใช่ ธรรมที่ท่านผู้เป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้าประกาศไว้ เป็นธรรมวินัยมีที่พำนักอันทำลาย เสียแล้ว เป็นธรรมวินัยไม่มีที่พึงอาศัย ฯ
ดูกรผู้มีอายุทั้งหลาย ข้อนี้ย่อมเป็นเช่นดังกล่าวมาสำหรับในธรรมวินัยที่ กล่าวไว้ไม่ดี ประกาศไว้ไม่ดี ไม่เป็นธรรมที่จะนำผู้ปฏิบัติให้ออกจากทุกข์ได้ ไม่เป็นไปเพื่อความสงบระงับ มิใช่ธรรมที่ท่านผู้เป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้าประกาศไว้ ผู้มีอายุทั้งหลาย ส่วนธรรมนี้แล อันพระผู้มีพระภาคของเราทั้งหลาย ตรัสไว้ดี แล้ว ประกาศไว้ดีแล้ว เป็นธรรมที่จะนำผู้ปฏิบัติให้ออกจากทุกข์ได้ เป็นไปเพื่อ ความสงบระงับ เป็นธรรมอันพระสัมมาสัมพุทธเจ้าประกาศไว้แล้ว พวกเราทั้งหมด ด้วยกัน พึงสังคายนา ไม่พึงกล่าวแก่งแย่งกันในธรรมนั้น การที่พรหมจรรย์นี้จะ พึงยั่งยืนตั้งอยู่นาน นั้นพึงเป็นไปเพื่อประโยชน์แก่ชนมาก เพื่อความสุขแก่ชน มาก เพื่อความอนุเคราะห์แก่โลก เพื่อประโยชน์ เพื่อเกื้อกูล เพื่อความสุข แก่เทวดาและมนุษย์ทั้งหลาย ผู้มีอายุทั้งหลาย ก็ธรรมอะไรเล่าที่พระผู้มีพระภาค ตรัสไว้ดีแล้ว ประกาศไว้ดีแล้ว เป็นธรรมที่จะนำผู้ปฏิบัติให้ออกจากทุกข์ได้ เป็น ไปเพื่อความสงบระงับ เป็นธรรมอันพระสัมมาสัมพุทธเจ้าประกาศไว้แล้ว พวก เราทั้งหมดด้วยกัน พึงสังคายนา ไม่พึงกล่าวแก่งแย่งกันในธรรมนั้น การที่พรหมจรรย์นี้จะพึงยั่งยืนตั้งอยู่นาน นั้นพึงเป็นไปเพื่อประโยชน์แก่ชนมาก เพื่อความสุข แก่ชนมาก เพื่อความอนุเคราะห์แก่โลก เพื่อประโยชน์ เพื่อเกื้อกูล เพื่อความ สุข แก่เทวดาและมนุษย์ทั้งหลาย ฯ
หมวด ๑
ดูกรผู้มีอายุทั้งหลาย ธรรมหนึ่ง ที่พระผู้มีพระภาค ผู้ทรงรู้เห็น เป็นพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น ตรัสไว้โดยชอบแล้วมีอยู่แล พวก เราทั้งหมดด้วยกันพึงสังคายนา ไม่พึงกล่าวแก่งแย่งกันในธรรมนั้น การที่ พรหมจรรย์นี้จะพึงยั่งยืนตั้งอยู่นาน นั้นพึงเป็นไปเพื่อประโยชน์แก่ชนมาก เพื่อ ความสุขแก่ชนมาก เพื่อความอนุเคราะห์แก่โลก เพื่อประโยชน์ เพื่อเกื้อกูล เพื่อความสุขแก่เทวดาและมนุษย์ทั้งหลาย ธรรมหนึ่งเป็นไฉน สัตว์ทั้งหมดตั้งอยู่ ได้เพราะอาหาร สัตว์ทั้งหมดตั้งอยู่ได้เพราะสังขาร ดูกรผู้มีอายุทั้งหลาย ธรรม หนึ่งนี้แล อันพระผู้มีพระภาคผู้ทรงรู้ทรงเห็น เป็นพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า พระองค์นั้น ตรัสไว้โดยชอบแล้ว พวกเราทั้งหมดด้วยกันพึงสังคายนา ไม่พึง กล่าวแก่งแย่งกันในธรรมนั้น การที่พรหมจรรย์นี้จะพึงยั่งยืนตั้งอยู่นาน นั้นพึงเป็น ไปเพื่อประโยชน์แก่ชนมาก เพื่อความสุขแก่ชนมาก เพื่อความอนุเคราะห์แก่โลก เพื่อประโยชน์ เพื่อเกื้อกูล เพื่อความสุข แก่เทวดาและมนุษย์ทั้งหลาย ฯ
Wednesday, 20 July 2011
ນິທທະສະສູຕທີ 2
- ສະໄໝໜຶ່ງ ພຣະຜູ້ມີພຣະພາຄປະທັບຢູ່ ນະ ໂຄສີຕາຣາມ ໃຫ້ພຣະນະຄອນໂກສັມພີ, ຄັ້ງນັ້ນເປັນເວລາເຊົ້າ ທ່ານພຣະອານົນທ໌ນຸ້ງແລ້ວ ຖືກບາດ ແລະຈີວອນ ເຊົ້າໄປບິນທະບາດຍັງພຣະນະຄອນໂກສັມພີ ກໍຍັງເຊົ້າຫຼາຍ ຢ່າເລີຍເຮົາຄວນເຂົ້າໄປຍັງອາຮາມຂອງອັນຍະເດັຍຣະຖີ ປະຣິພາຊົກເຖີດ, ລຳດັບນັ້ນແລ ທ່ານພຣະອານົນທ໌ເຂົ້າໄປຍັງອາຣາມຂອງພວກອັນຍະເດັຍຣະຖີປະຣິພາຊົກ ໄດ້ສົນທະນາປາໄສກັບພວກ ຍະເດັຍຣະຖີປະຣິພາຊົກ. ຄັນຜ່ານການປາໄສພໍໃຫ້ລະຣະລືກເຖິງກັນໄປແລ້ວ ຈຶ່ງນັ່ງ ນະທີ່ຄວນສ່ວນຂ້າງໜຶ່ງ.
- ກໍສະໄໝນັ້ນ ອັນຍະເດັຍຣະຖີປະຣິພາຊົກ ກຳລັງນັ່ງປະຊຸມສົນທະນາກຫນວ່າ ທ່ານຜູ້ມີອາຍຸ ທັງຫຼາຍ ທ່ານຜູ້ໃດຜູ້ໜຶ່ງປະພຶດພຣົມະຈັນຍ໌ ບໍຣິສຸດບໍຣິບູນຄົບ 12 ປີ, ຄວນຈະຮຽກພິກຂຸຜູ້ນິທທະສະ ທ່ານພຣະອານົນທ໌ບໍ່ຍິນດີ ບໍ່ຄັດຄ້ານຄຳກ່າວຂອງພວກອັນຍະເດັຍຣະຖີປະ ຣິພາຊົກເຫຼົ່ານັ້ນ ຄັນແລ້ວ ລຸກຈາກອາສະນະຫຼີກໄປດ້ວຍຕັງໃຈວ່າ ເຮົາຈະຮູ້ທົ່ວເຖິງເນື້ອຄວາມແຫ່ງຄຳກ່າວຂອງອັນຍະເດັຍຣະຖີປະ ຣິພາຊົກ ໃນສຳນັກຂອງພຣະຜູ້ມີພຣະພາຄ.
- ລຳດັບນັ້ນ ພຣະອານນົນທ໌ໄດ້ທ່ຽວບິນທະບາດໃນພຣະນະຄອນໂກສັມພີ ກັບຈາກບິນທະບາດໃນເວລ່ປັຈສາພັຕ ເຂົ້າໄປເຝົ້າພຣະຜູ້ມີ ພຣະພາຄເຖິງທີ່ປະທັບ ຖວາຍອະພິວາດແລ້ວນັ່ງ ນະທີ່ຄວນສ່ວນຂ້າງໜຶ່ງ, ຄັນແລ້ວ ໄດ້ຂາບທູນວ່າ ຂ້າແຕ່ພຣະອົງຜູ້ຈະເຣີນ ຂໍປະທານພຣະ ວະໂຣກາດ ເວລາເຊົ້າ ຂ້າພຣະອົງນຸ່ງແລ້ວ ຖືບາດ ແລະຈີວອນ ເຂົ້າໄປບິນທະບາດຍັງພຣະນະຄອນໂກສັມພີ ຊ້າພຣະອົງ ຄິດໄດ້ວ່າເຮົາຈະທ໋ຽວບິນທະບາດ ໃນພຣະນະຄອນໂກສັມພີ ກໍຍັງເຊົ້າຫຼາຍ ກະຢ່າເລີຍ ເຮົາຄວນເຂົ້າໄປຍັງອາຣາມຂອງພວກອັນຍະ ເດັຍຣະຖີປະ ຣິພາຊົກ, ລຳດັບນັ້ນຂ້າພຣະອົງເຂົາໄປຍັງອາຮາມຂອງພວກອັນຍະເດັຍຣະຖີປະ ຣິພາຊົໄດ້ສົນທະນາປາໄສກັບພວກ ອັນຍະເດັຍຣະຖີປະຣິພາຊົກ ຄັນຜ່ານການປາໄສພໍໃຫ້ຣະລືກເຖິງກັນໄປແລ້ວ ຈຶ່ງນັ່ງນະທີ່ຄວນສ່ວນຂ້າງໜຶ່ງ ກໍສະໄໝນັ້ນ ອັນຍະເດັຍຣະຖີປະ ຣິພາຊົກ ກຳລັງນັ່ງປະຊຸມສົນທະນາກັນວ່າ ທ່ານຜູ້ມີອາຍຸທັງຫຼາຍ ທ່ານຜູ້ໃດຜູ້ໜຶ່ງປະພຶດພຣົມະຈັນຍ໌ບໍ່ຣິສຸດ ບໍຣິບູນ ຄົບ 12 ປີ ຄວນຮຽກພິກຂຸນິທທະສະ ແຕ່ຂ້າພຣະອົງບໍ່ຍິນດີ ບໍ່ຄັດຄ້ານຄຳກ່າວຂອງອັນຍະເດັຍຣະຖີປະຣິພາຊົກເຫຼົ່ານັ້ນ ຄັນແລ້ວລຸກຈາກ ອາສະນະຫຼີກໄປ ດ້ວຍຄິດວ່າເຮົາຈະຮູ້ທົ່ວເຖິງ ເນື້ອຄວາມຂອງພາສິດນີ້ໃນສຳນັກຂອງພຣະຜູ້ມີພຣະພາຄ ຂ້າແຕ່ພຣະອົງຜູ້ຈະເຣີນ ພຣະອົງ ອາດ ຫຼືໜໍ ເພື່ອຊົງບັນຍັດພິກຂຸຜູ້ນິທທະສະ ດ້ວຍເຫຕພຽງນັບພັນສາຢ່າງດຽວ ໃນທັມວິນັຍນີ້.
- ພຣະຜູ້ມີພຣະພາຄຕັດວ່າ ດູກຣອານົນທ໌ ບໍ່ມີໃຜໆ ອາຈເພື່ອບັນຍັດພິກຂຸ ຜູ້ນິທທະສະ ດ້ວຍເຫດພຽງເພື່ອນັບພັນສາຢ່າງດຽວ ໃນທັມວິ ນັຍນີ້ ດູກຣອານົນທ໌ ວັຕຖຸແຫ່ງນິທທະສະ 7 ປະການນີ້ ເຮົາກະທຳໃຫ້ແຈ້ງດ້ວຍປັນຍາອັນຍິ່ງເອງ, ປະກາດແລ້ວ 7 ປະການເປັນຈັ່ງໃດ ດູກຣອານົນທ໌ ພິກຂຸໃນທັມວິໄນນີ້ ເປັນຜູ້
- ມີສັດທາ 1
- ມີຫິຣິ 1
- ມີໂອຕຕັປປະ 1
- ເປັນພຣະຫູສູຕ 1
- ປາຣົພຄວາມພຽຣ 1
- ມີສະຕິ 1
- ມີປັນຍາ 1
- ດູກຣອານົນທ໌ ວັຕຖຸແຫ່ງນິທທະສະ 7 ປະການນີ້ແລ ເຮົາກະທຳໃຫ້ແຈ່ງດ້ວຍປັນຍາອັນຍິ່ງເອງ ປະກາດແລ້ວ, ດູກ່ອນອານົນທ໌ ພິກຂຸຜູ້ປະກອບດ້ວຍແຫ່ງນິທທະສະ 7 ປະການນີ້ແລ ຖ້າປະພຶກພຣົມມະຈັນຍ໌ບໍຣິສຸດ ບໍຣິບຸນຄົບ 12 ປີກໍດີຄວນຈະຮຽກໄດ້ວ່າພິກຂຸ ນິທທະສະ ຖ້າປະພຶກພຣົມະຈັນຍ໌ບໍຣິສຸດ ບໍຣິບູນຄົຍ 214 ປີກໍດີ....36 ປີກໍດີ....48 ປີກໍດີ ຄວນຈະຮຽກໄດ້ວ່າ ພິກຂຸຜູ້ນິທທະສະ.
- ກໍສະໄໝນັ້ນ ອັນຍະເດັຍຣະຖີປະຣິພາຊົກ ກຳລັງນັ່ງປະຊຸມສົນທະນາກຫນວ່າ ທ່ານຜູ້ມີອາຍຸ ທັງຫຼາຍ ທ່ານຜູ້ໃດຜູ້ໜຶ່ງປະພຶດພຣົມະຈັນຍ໌ ບໍຣິສຸດບໍຣິບູນຄົບ 12 ປີ, ຄວນຈະຮຽກພິກຂຸຜູ້ນິທທະສະ ທ່ານພຣະອານົນທ໌ບໍ່ຍິນດີ ບໍ່ຄັດຄ້ານຄຳກ່າວຂອງພວກອັນຍະເດັຍຣະຖີປະ ຣິພາຊົກເຫຼົ່ານັ້ນ ຄັນແລ້ວ ລຸກຈາກອາສະນະຫຼີກໄປດ້ວຍຕັງໃຈວ່າ ເຮົາຈະຮູ້ທົ່ວເຖິງເນື້ອຄວາມແຫ່ງຄຳກ່າວຂອງອັນຍະເດັຍຣະຖີປະ ຣິພາຊົກ ໃນສຳນັກຂອງພຣະຜູ້ມີພຣະພາຄ.
- ລຳດັບນັ້ນ ພຣະອານນົນທ໌ໄດ້ທ່ຽວບິນທະບາດໃນພຣະນະຄອນໂກສັມພີ ກັບຈາກບິນທະບາດໃນເວລ່ປັຈສາພັຕ ເຂົ້າໄປເຝົ້າພຣະຜູ້ມີ ພຣະພາຄເຖິງທີ່ປະທັບ ຖວາຍອະພິວາດແລ້ວນັ່ງ ນະທີ່ຄວນສ່ວນຂ້າງໜຶ່ງ, ຄັນແລ້ວ ໄດ້ຂາບທູນວ່າ ຂ້າແຕ່ພຣະອົງຜູ້ຈະເຣີນ ຂໍປະທານພຣະ ວະໂຣກາດ ເວລາເຊົ້າ ຂ້າພຣະອົງນຸ່ງແລ້ວ ຖືບາດ ແລະຈີວອນ ເຂົ້າໄປບິນທະບາດຍັງພຣະນະຄອນໂກສັມພີ ຊ້າພຣະອົງ ຄິດໄດ້ວ່າເຮົາຈະທ໋ຽວບິນທະບາດ ໃນພຣະນະຄອນໂກສັມພີ ກໍຍັງເຊົ້າຫຼາຍ ກະຢ່າເລີຍ ເຮົາຄວນເຂົ້າໄປຍັງອາຣາມຂອງພວກອັນຍະ ເດັຍຣະຖີປະ ຣິພາຊົກ, ລຳດັບນັ້ນຂ້າພຣະອົງເຂົາໄປຍັງອາຮາມຂອງພວກອັນຍະເດັຍຣະຖີປະ ຣິພາຊົໄດ້ສົນທະນາປາໄສກັບພວກ ອັນຍະເດັຍຣະຖີປະຣິພາຊົກ ຄັນຜ່ານການປາໄສພໍໃຫ້ຣະລືກເຖິງກັນໄປແລ້ວ ຈຶ່ງນັ່ງນະທີ່ຄວນສ່ວນຂ້າງໜຶ່ງ ກໍສະໄໝນັ້ນ ອັນຍະເດັຍຣະຖີປະ ຣິພາຊົກ ກຳລັງນັ່ງປະຊຸມສົນທະນາກັນວ່າ ທ່ານຜູ້ມີອາຍຸທັງຫຼາຍ ທ່ານຜູ້ໃດຜູ້ໜຶ່ງປະພຶດພຣົມະຈັນຍ໌ບໍ່ຣິສຸດ ບໍຣິບູນ ຄົບ 12 ປີ ຄວນຮຽກພິກຂຸນິທທະສະ ແຕ່ຂ້າພຣະອົງບໍ່ຍິນດີ ບໍ່ຄັດຄ້ານຄຳກ່າວຂອງອັນຍະເດັຍຣະຖີປະຣິພາຊົກເຫຼົ່ານັ້ນ ຄັນແລ້ວລຸກຈາກ ອາສະນະຫຼີກໄປ ດ້ວຍຄິດວ່າເຮົາຈະຮູ້ທົ່ວເຖິງ ເນື້ອຄວາມຂອງພາສິດນີ້ໃນສຳນັກຂອງພຣະຜູ້ມີພຣະພາຄ ຂ້າແຕ່ພຣະອົງຜູ້ຈະເຣີນ ພຣະອົງ ອາດ ຫຼືໜໍ ເພື່ອຊົງບັນຍັດພິກຂຸຜູ້ນິທທະສະ ດ້ວຍເຫຕພຽງນັບພັນສາຢ່າງດຽວ ໃນທັມວິນັຍນີ້.
- ພຣະຜູ້ມີພຣະພາຄຕັດວ່າ ດູກຣອານົນທ໌ ບໍ່ມີໃຜໆ ອາຈເພື່ອບັນຍັດພິກຂຸ ຜູ້ນິທທະສະ ດ້ວຍເຫດພຽງເພື່ອນັບພັນສາຢ່າງດຽວ ໃນທັມວິ ນັຍນີ້ ດູກຣອານົນທ໌ ວັຕຖຸແຫ່ງນິທທະສະ 7 ປະການນີ້ ເຮົາກະທຳໃຫ້ແຈ້ງດ້ວຍປັນຍາອັນຍິ່ງເອງ, ປະກາດແລ້ວ 7 ປະການເປັນຈັ່ງໃດ ດູກຣອານົນທ໌ ພິກຂຸໃນທັມວິໄນນີ້ ເປັນຜູ້
- ມີສັດທາ 1
- ມີຫິຣິ 1
- ມີໂອຕຕັປປະ 1
- ເປັນພຣະຫູສູຕ 1
- ປາຣົພຄວາມພຽຣ 1
- ມີສະຕິ 1
- ມີປັນຍາ 1
- ດູກຣອານົນທ໌ ວັຕຖຸແຫ່ງນິທທະສະ 7 ປະການນີ້ແລ ເຮົາກະທຳໃຫ້ແຈ່ງດ້ວຍປັນຍາອັນຍິ່ງເອງ ປະກາດແລ້ວ, ດູກ່ອນອານົນທ໌ ພິກຂຸຜູ້ປະກອບດ້ວຍແຫ່ງນິທທະສະ 7 ປະການນີ້ແລ ຖ້າປະພຶກພຣົມມະຈັນຍ໌ບໍຣິສຸດ ບໍຣິບຸນຄົບ 12 ປີກໍດີຄວນຈະຮຽກໄດ້ວ່າພິກຂຸ ນິທທະສະ ຖ້າປະພຶກພຣົມະຈັນຍ໌ບໍຣິສຸດ ບໍຣິບູນຄົຍ 214 ປີກໍດີ....36 ປີກໍດີ....48 ປີກໍດີ ຄວນຈະຮຽກໄດ້ວ່າ ພິກຂຸຜູ້ນິທທະສະ.
ນິທທະສະສູຕທີ 2
- ສະໄໝໜຶ່ງ ພຣະຜູ້ມີພຣະພາຄປະທັບຢູ່ ນະ ໂຄສີຕາຣາມ ໃຫ້ພຣະນະຄອນໂກສັມພີ, ຄັ້ງນັ້ນເປັນເວລາເຊົ້າ ທ່ານພຣະອານົນທ໌ນຸ້ງແລ້ວ ຖືກບາດ ແລະຈີວອນ ເຊົ້າໄປບິນທະບາດຍັງພຣະນະຄອນໂກສັມພີ ກໍຍັງເຊົ້າຫຼາຍ ຢ່າເລີຍເຮົາຄວນເຂົ້າໄປຍັງອາຮາມຂອງອັນຍະເດັຍຣະຖີ ປະຣິພາຊົກເຖີດ, ລຳດັບນັ້ນແລ ທ່ານພຣະອານົນທ໌ເຂົ້າໄປຍັງອາຣາມຂອງພວກອັນຍະເດັຍຣະຖີປະຣິພາຊົກ ໄດ້ສົນທະນາປາໄສກັບພວກ ຍະເດັຍຣະຖີປະຣິພາຊົກ. ຄັນຜ່ານການປາໄສພໍໃຫ້ລະຣະລືກເຖິງກັນໄປແລ້ວ ຈຶ່ງນັ່ງ ນະທີ່ຄວນສ່ວນຂ້າງໜຶ່ງ.
- ກໍສະໄໝນັ້ນ ອັນຍະເດັຍຣະຖີປະຣິພາຊົກ ກຳລັງນັ່ງປະຊຸມສົນທະນາກຫນວ່າ ທ່ານຜູ້ມີອາຍຸ ທັງຫຼາຍ ທ່ານຜູ້ໃດຜູ້ໜຶ່ງປະພຶດພຣົມະຈັນຍ໌ ບໍຣິສຸດບໍຣິບູນຄົບ 12 ປີ, ຄວນຈະຮຽກພິກຂຸຜູ້ນິທທະສະ ທ່ານພຣະອານົນທ໌ບໍ່ຍິນດີ ບໍ່ຄັດຄ້ານຄຳກ່າວຂອງພວກອັນຍະເດັຍຣະຖີປະ ຣິພາຊົກເຫຼົ່ານັ້ນ ຄັນແລ້ວ ລຸກຈາກອາສະນະຫຼີກໄປດ້ວຍຕັງໃຈວ່າ ເຮົາຈະຮູ້ທົ່ວເຖິງເນື້ອຄວາມແຫ່ງຄຳກ່າວຂອງອັນຍະເດັຍຣະຖີປະ ຣິພາຊົກ ໃນສຳນັກຂອງພຣະຜູ້ມີພຣະພາຄ.
- ລຳດັບນັ້ນ ພຣະອານນົນທ໌ໄດ້ທ່ຽວບິນທະບາດໃນພຣະນະຄອນໂກສັມພີ ກັບຈາກບິນທະບາດໃນເວລ່ປັຈສາພັຕ ເຂົ້າໄປເຝົ້າພຣະຜູ້ມີ ພຣະພາຄເຖິງທີ່ປະທັບ ຖວາຍອະພິວາດແລ້ວນັ່ງ ນະທີ່ຄວນສ່ວນຂ້າງໜຶ່ງ, ຄັນແລ້ວ ໄດ້ຂາບທູນວ່າ ຂ້າແຕ່ພຣະອົງຜູ້ຈະເຣີນ ຂໍປະທານພຣະ ວະໂຣກາດ ເວລາເຊົ້າ ຂ້າພຣະອົງນຸ່ງແລ້ວ ຖືບາດ ແລະຈີວອນ ເຂົ້າໄປບິນທະບາດຍັງພຣະນະຄອນໂກສັມພີ ຊ້າພຣະອົງ ຄິດໄດ້ວ່າເຮົາຈະທ໋ຽວບິນທະບາດ ໃນພຣະນະຄອນໂກສັມພີ ກໍຍັງເຊົ້າຫຼາຍ ກະຢ່າເລີຍ ເຮົາຄວນເຂົ້າໄປຍັງອາຣາມຂອງພວກອັນຍະ ເດັຍຣະຖີປະ ຣິພາຊົກ, ລຳດັບນັ້ນຂ້າພຣະອົງເຂົາໄປຍັງອາຮາມຂອງພວກອັນຍະເດັຍຣະຖີປະ ຣິພາຊົໄດ້ສົນທະນາປາໄສກັບພວກ ອັນຍະເດັຍຣະຖີປະຣິພາຊົກ ຄັນຜ່ານການປາໄສພໍໃຫ້ຣະລືກເຖິງກັນໄປແລ້ວ ຈຶ່ງນັ່ງນະທີ່ຄວນສ່ວນຂ້າງໜຶ່ງ ກໍສະໄໝນັ້ນ ອັນຍະເດັຍຣະຖີປະ ຣິພາຊົກ ກຳລັງນັ່ງປະຊຸມສົນທະນາກັນວ່າ ທ່ານຜູ້ມີອາຍຸທັງຫຼາຍ ທ່ານຜູ້ໃດຜູ້ໜຶ່ງປະພຶດພຣົມະຈັນຍ໌ບໍ່ຣິສຸດ ບໍຣິບູນ ຄົບ 12 ປີ ຄວນຮຽກພິກຂຸນິທທະສະ ແຕ່ຂ້າພຣະອົງບໍ່ຍິນດີ ບໍ່ຄັດຄ້ານຄຳກ່າວຂອງອັນຍະເດັຍຣະຖີປະຣິພາຊົກເຫຼົ່ານັ້ນ ຄັນແລ້ວລຸກຈາກ ອາສະນະຫຼີກໄປ ດ້ວຍຄິດວ່າເຮົາຈະຮູ້ທົ່ວເຖິງ ເນື້ອຄວາມຂອງພາສິດນີ້ໃນສຳນັກຂອງພຣະຜູ້ມີພຣະພາຄ ຂ້າແຕ່ພຣະອົງຜູ້ຈະເຣີນ ພຣະອົງ ອາດ ຫຼືໜໍ ເພື່ອຊົງບັນຍັດພິກຂຸຜູ້ນິທທະສະ ດ້ວຍເຫຕພຽງນັບພັນສາຢ່າງດຽວ ໃນທັມວິນັຍນີ້.
- ພຣະຜູ້ມີພຣະພາຄຕັດວ່າ ດູກຣອານົນທ໌ ບໍ່ມີໃຜໆ ອາຈເພື່ອບັນຍັດພິກຂຸ ຜູ້ນິທທະສະ ດ້ວຍເຫດພຽງເພື່ອນັບພັນສາຢ່າງດຽວ ໃນທັມວິ ນັຍນີ້ ດູກຣອານົນທ໌ ວັຕຖຸແຫ່ງນິທທະສະ 7 ປະການນີ້ ເຮົາກະທຳໃຫ້ແຈ້ງດ້ວຍປັນຍາອັນຍິ່ງເອງ, ປະກາດແລ້ວ 7 ປະການເປັນຈັ່ງໃດ ດູກຣອານົນທ໌ ພິກຂຸໃນທັມວິໄນນີ້ ເປັນຜູ້
- ມີສັດທາ 1
- ມີຫິຣິ 1
- ມີໂອຕຕັປປະ 1
- ເປັນພຣະຫູສູຕ 1
- ປາຣົພຄວາມພຽຣ 1
- ມີສະຕິ 1
- ມີປັນຍາ 1
- ດູກຣອານົນທ໌ ວັຕຖຸແຫ່ງນິທທະສະ 7 ປະການນີ້ແລ ເຮົາກະທຳໃຫ້ແຈ່ງດ້ວຍປັນຍາອັນຍິ່ງເອງ ປະກາດແລ້ວ, ດູກ່ອນອານົນທ໌ ພິກຂຸຜູ້ປະກອບດ້ວຍແຫ່ງນິທທະສະ 7 ປະການນີ້ແລ ຖ້າປະພຶກພຣົມມະຈັນຍ໌ບໍຣິສຸດ ບໍຣິບຸນຄົບ 12 ປີກໍດີຄວນຈະຮຽກໄດ້ວ່າພິກຂຸ ນິທທະສະ ຖ້າປະພຶກພຣົມະຈັນຍ໌ບໍຣິສຸດ ບໍຣິບູນຄົຍ 214 ປີກໍດີ....36 ປີກໍດີ....48 ປີກໍດີ ຄວນຈະຮຽກໄດ້ວ່າ ພິກຂຸຜູ້ນິທທະສະ.
- ກໍສະໄໝນັ້ນ ອັນຍະເດັຍຣະຖີປະຣິພາຊົກ ກຳລັງນັ່ງປະຊຸມສົນທະນາກຫນວ່າ ທ່ານຜູ້ມີອາຍຸ ທັງຫຼາຍ ທ່ານຜູ້ໃດຜູ້ໜຶ່ງປະພຶດພຣົມະຈັນຍ໌ ບໍຣິສຸດບໍຣິບູນຄົບ 12 ປີ, ຄວນຈະຮຽກພິກຂຸຜູ້ນິທທະສະ ທ່ານພຣະອານົນທ໌ບໍ່ຍິນດີ ບໍ່ຄັດຄ້ານຄຳກ່າວຂອງພວກອັນຍະເດັຍຣະຖີປະ ຣິພາຊົກເຫຼົ່ານັ້ນ ຄັນແລ້ວ ລຸກຈາກອາສະນະຫຼີກໄປດ້ວຍຕັງໃຈວ່າ ເຮົາຈະຮູ້ທົ່ວເຖິງເນື້ອຄວາມແຫ່ງຄຳກ່າວຂອງອັນຍະເດັຍຣະຖີປະ ຣິພາຊົກ ໃນສຳນັກຂອງພຣະຜູ້ມີພຣະພາຄ.
- ລຳດັບນັ້ນ ພຣະອານນົນທ໌ໄດ້ທ່ຽວບິນທະບາດໃນພຣະນະຄອນໂກສັມພີ ກັບຈາກບິນທະບາດໃນເວລ່ປັຈສາພັຕ ເຂົ້າໄປເຝົ້າພຣະຜູ້ມີ ພຣະພາຄເຖິງທີ່ປະທັບ ຖວາຍອະພິວາດແລ້ວນັ່ງ ນະທີ່ຄວນສ່ວນຂ້າງໜຶ່ງ, ຄັນແລ້ວ ໄດ້ຂາບທູນວ່າ ຂ້າແຕ່ພຣະອົງຜູ້ຈະເຣີນ ຂໍປະທານພຣະ ວະໂຣກາດ ເວລາເຊົ້າ ຂ້າພຣະອົງນຸ່ງແລ້ວ ຖືບາດ ແລະຈີວອນ ເຂົ້າໄປບິນທະບາດຍັງພຣະນະຄອນໂກສັມພີ ຊ້າພຣະອົງ ຄິດໄດ້ວ່າເຮົາຈະທ໋ຽວບິນທະບາດ ໃນພຣະນະຄອນໂກສັມພີ ກໍຍັງເຊົ້າຫຼາຍ ກະຢ່າເລີຍ ເຮົາຄວນເຂົ້າໄປຍັງອາຣາມຂອງພວກອັນຍະ ເດັຍຣະຖີປະ ຣິພາຊົກ, ລຳດັບນັ້ນຂ້າພຣະອົງເຂົາໄປຍັງອາຮາມຂອງພວກອັນຍະເດັຍຣະຖີປະ ຣິພາຊົໄດ້ສົນທະນາປາໄສກັບພວກ ອັນຍະເດັຍຣະຖີປະຣິພາຊົກ ຄັນຜ່ານການປາໄສພໍໃຫ້ຣະລືກເຖິງກັນໄປແລ້ວ ຈຶ່ງນັ່ງນະທີ່ຄວນສ່ວນຂ້າງໜຶ່ງ ກໍສະໄໝນັ້ນ ອັນຍະເດັຍຣະຖີປະ ຣິພາຊົກ ກຳລັງນັ່ງປະຊຸມສົນທະນາກັນວ່າ ທ່ານຜູ້ມີອາຍຸທັງຫຼາຍ ທ່ານຜູ້ໃດຜູ້ໜຶ່ງປະພຶດພຣົມະຈັນຍ໌ບໍ່ຣິສຸດ ບໍຣິບູນ ຄົບ 12 ປີ ຄວນຮຽກພິກຂຸນິທທະສະ ແຕ່ຂ້າພຣະອົງບໍ່ຍິນດີ ບໍ່ຄັດຄ້ານຄຳກ່າວຂອງອັນຍະເດັຍຣະຖີປະຣິພາຊົກເຫຼົ່ານັ້ນ ຄັນແລ້ວລຸກຈາກ ອາສະນະຫຼີກໄປ ດ້ວຍຄິດວ່າເຮົາຈະຮູ້ທົ່ວເຖິງ ເນື້ອຄວາມຂອງພາສິດນີ້ໃນສຳນັກຂອງພຣະຜູ້ມີພຣະພາຄ ຂ້າແຕ່ພຣະອົງຜູ້ຈະເຣີນ ພຣະອົງ ອາດ ຫຼືໜໍ ເພື່ອຊົງບັນຍັດພິກຂຸຜູ້ນິທທະສະ ດ້ວຍເຫຕພຽງນັບພັນສາຢ່າງດຽວ ໃນທັມວິນັຍນີ້.
- ພຣະຜູ້ມີພຣະພາຄຕັດວ່າ ດູກຣອານົນທ໌ ບໍ່ມີໃຜໆ ອາຈເພື່ອບັນຍັດພິກຂຸ ຜູ້ນິທທະສະ ດ້ວຍເຫດພຽງເພື່ອນັບພັນສາຢ່າງດຽວ ໃນທັມວິ ນັຍນີ້ ດູກຣອານົນທ໌ ວັຕຖຸແຫ່ງນິທທະສະ 7 ປະການນີ້ ເຮົາກະທຳໃຫ້ແຈ້ງດ້ວຍປັນຍາອັນຍິ່ງເອງ, ປະກາດແລ້ວ 7 ປະການເປັນຈັ່ງໃດ ດູກຣອານົນທ໌ ພິກຂຸໃນທັມວິໄນນີ້ ເປັນຜູ້
- ມີສັດທາ 1
- ມີຫິຣິ 1
- ມີໂອຕຕັປປະ 1
- ເປັນພຣະຫູສູຕ 1
- ປາຣົພຄວາມພຽຣ 1
- ມີສະຕິ 1
- ມີປັນຍາ 1
- ດູກຣອານົນທ໌ ວັຕຖຸແຫ່ງນິທທະສະ 7 ປະການນີ້ແລ ເຮົາກະທຳໃຫ້ແຈ່ງດ້ວຍປັນຍາອັນຍິ່ງເອງ ປະກາດແລ້ວ, ດູກ່ອນອານົນທ໌ ພິກຂຸຜູ້ປະກອບດ້ວຍແຫ່ງນິທທະສະ 7 ປະການນີ້ແລ ຖ້າປະພຶກພຣົມມະຈັນຍ໌ບໍຣິສຸດ ບໍຣິບຸນຄົບ 12 ປີກໍດີຄວນຈະຮຽກໄດ້ວ່າພິກຂຸ ນິທທະສະ ຖ້າປະພຶກພຣົມະຈັນຍ໌ບໍຣິສຸດ ບໍຣິບູນຄົຍ 214 ປີກໍດີ....36 ປີກໍດີ....48 ປີກໍດີ ຄວນຈະຮຽກໄດ້ວ່າ ພິກຂຸຜູ້ນິທທະສະ.
ນິທທະສະສູຕທີ 2
- ສະໄໝໜຶ່ງ ພຣະຜູ້ມີພຣະພາຄປະທັບຢູ່ ນະ ໂຄສີຕາຣາມ ໃຫ້ພຣະນະຄອນໂກສັມພີ, ຄັ້ງນັ້ນເປັນເວລາເຊົ້າ ທ່ານພຣະອານົນທ໌ນຸ້ງແລ້ວ ຖືກບາດ ແລະຈີວອນ ເຊົ້າໄປບິນທະບາດຍັງພຣະນະຄອນໂກສັມພີ ກໍຍັງເຊົ້າຫຼາຍ ຢ່າເລີຍເຮົາຄວນເຂົ້າໄປຍັງອາຮາມຂອງອັນຍະເດັຍຣະຖີ ປະຣິພາຊົກເຖີດ, ລຳດັບນັ້ນແລ ທ່ານພຣະອານົນທ໌ເຂົ້າໄປຍັງອາຣາມຂອງພວກອັນຍະເດັຍຣະຖີປະຣິພາຊົກ ໄດ້ສົນທະນາປາໄສກັບພວກ ຍະເດັຍຣະຖີປະຣິພາຊົກ. ຄັນຜ່ານການປາໄສພໍໃຫ້ລະຣະລືກເຖິງກັນໄປແລ້ວ ຈຶ່ງນັ່ງ ນະທີ່ຄວນສ່ວນຂ້າງໜຶ່ງ.
- ກໍສະໄໝນັ້ນ ອັນຍະເດັຍຣະຖີປະຣິພາຊົກ ກຳລັງນັ່ງປະຊຸມສົນທະນາກຫນວ່າ ທ່ານຜູ້ມີອາຍຸ ທັງຫຼາຍ ທ່ານຜູ້ໃດຜູ້ໜຶ່ງປະພຶດພຣົມະຈັນຍ໌ ບໍຣິສຸດບໍຣິບູນຄົບ 12 ປີ, ຄວນຈະຮຽກພິກຂຸຜູ້ນິທທະສະ ທ່ານພຣະອານົນທ໌ບໍ່ຍິນດີ ບໍ່ຄັດຄ້ານຄຳກ່າວຂອງພວກອັນຍະເດັຍຣະຖີປະ ຣິພາຊົກເຫຼົ່ານັ້ນ ຄັນແລ້ວ ລຸກຈາກອາສະນະຫຼີກໄປດ້ວຍຕັງໃຈວ່າ ເຮົາຈະຮູ້ທົ່ວເຖິງເນື້ອຄວາມແຫ່ງຄຳກ່າວຂອງອັນຍະເດັຍຣະຖີປະ ຣິພາຊົກ ໃນສຳນັກຂອງພຣະຜູ້ມີພຣະພາຄ.
- ລຳດັບນັ້ນ ພຣະອານນົນທ໌ໄດ້ທ່ຽວບິນທະບາດໃນພຣະນະຄອນໂກສັມພີ ກັບຈາກບິນທະບາດໃນເວລ່ປັຈສາພັຕ ເຂົ້າໄປເຝົ້າພຣະຜູ້ມີ ພຣະພາຄເຖິງທີ່ປະທັບ ຖວາຍອະພິວາດແລ້ວນັ່ງ ນະທີ່ຄວນສ່ວນຂ້າງໜຶ່ງ, ຄັນແລ້ວ ໄດ້ຂາບທູນວ່າ ຂ້າແຕ່ພຣະອົງຜູ້ຈະເຣີນ ຂໍປະທານພຣະ ວະໂຣກາດ ເວລາເຊົ້າ ຂ້າພຣະອົງນຸ່ງແລ້ວ ຖືບາດ ແລະຈີວອນ ເຂົ້າໄປບິນທະບາດຍັງພຣະນະຄອນໂກສັມພີ ຊ້າພຣະອົງ ຄິດໄດ້ວ່າເຮົາຈະທ໋ຽວບິນທະບາດ ໃນພຣະນະຄອນໂກສັມພີ ກໍຍັງເຊົ້າຫຼາຍ ກະຢ່າເລີຍ ເຮົາຄວນເຂົ້າໄປຍັງອາຣາມຂອງພວກອັນຍະ ເດັຍຣະຖີປະ ຣິພາຊົກ, ລຳດັບນັ້ນຂ້າພຣະອົງເຂົາໄປຍັງອາຮາມຂອງພວກອັນຍະເດັຍຣະຖີປະ ຣິພາຊົໄດ້ສົນທະນາປາໄສກັບພວກ ອັນຍະເດັຍຣະຖີປະຣິພາຊົກ ຄັນຜ່ານການປາໄສພໍໃຫ້ຣະລືກເຖິງກັນໄປແລ້ວ ຈຶ່ງນັ່ງນະທີ່ຄວນສ່ວນຂ້າງໜຶ່ງ ກໍສະໄໝນັ້ນ ອັນຍະເດັຍຣະຖີປະ ຣິພາຊົກ ກຳລັງນັ່ງປະຊຸມສົນທະນາກັນວ່າ ທ່ານຜູ້ມີອາຍຸທັງຫຼາຍ ທ່ານຜູ້ໃດຜູ້ໜຶ່ງປະພຶດພຣົມະຈັນຍ໌ບໍ່ຣິສຸດ ບໍຣິບູນ ຄົບ 12 ປີ ຄວນຮຽກພິກຂຸນິທທະສະ ແຕ່ຂ້າພຣະອົງບໍ່ຍິນດີ ບໍ່ຄັດຄ້ານຄຳກ່າວຂອງອັນຍະເດັຍຣະຖີປະຣິພາຊົກເຫຼົ່ານັ້ນ ຄັນແລ້ວລຸກຈາກ ອາສະນະຫຼີກໄປ ດ້ວຍຄິດວ່າເຮົາຈະຮູ້ທົ່ວເຖິງ ເນື້ອຄວາມຂອງພາສິດນີ້ໃນສຳນັກຂອງພຣະຜູ້ມີພຣະພາຄ ຂ້າແຕ່ພຣະອົງຜູ້ຈະເຣີນ ພຣະອົງ ອາດ ຫຼືໜໍ ເພື່ອຊົງບັນຍັດພິກຂຸຜູ້ນິທທະສະ ດ້ວຍເຫຕພຽງນັບພັນສາຢ່າງດຽວ ໃນທັມວິນັຍນີ້.
- ພຣະຜູ້ມີພຣະພາຄຕັດວ່າ ດູກຣອານົນທ໌ ບໍ່ມີໃຜໆ ອາຈເພື່ອບັນຍັດພິກຂຸ ຜູ້ນິທທະສະ ດ້ວຍເຫດພຽງເພື່ອນັບພັນສາຢ່າງດຽວ ໃນທັມວິ ນັຍນີ້ ດູກຣອານົນທ໌ ວັຕຖຸແຫ່ງນິທທະສະ 7 ປະການນີ້ ເຮົາກະທຳໃຫ້ແຈ້ງດ້ວຍປັນຍາອັນຍິ່ງເອງ, ປະກາດແລ້ວ 7 ປະການເປັນຈັ່ງໃດ ດູກຣອານົນທ໌ ພິກຂຸໃນທັມວິໄນນີ້ ເປັນຜູ້
- ມີສັດທາ 1
- ມີຫິຣິ 1
- ມີໂອຕຕັປປະ 1
- ເປັນພຣະຫູສູຕ 1
- ປາຣົພຄວາມພຽຣ 1
- ມີສະຕິ 1
- ມີປັນຍາ 1
- ດູກຣອານົນທ໌ ວັຕຖຸແຫ່ງນິທທະສະ 7 ປະການນີ້ແລ ເຮົາກະທຳໃຫ້ແຈ່ງດ້ວຍປັນຍາອັນຍິ່ງເອງ ປະກາດແລ້ວ, ດູກ່ອນອານົນທ໌ ພິກຂຸຜູ້ປະກອບດ້ວຍແຫ່ງນິທທະສະ 7 ປະການນີ້ແລ ຖ້າປະພຶກພຣົມມະຈັນຍ໌ບໍຣິສຸດ ບໍຣິບຸນຄົບ 12 ປີກໍດີຄວນຈະຮຽກໄດ້ວ່າພິກຂຸ ນິທທະສະ ຖ້າປະພຶກພຣົມະຈັນຍ໌ບໍຣິສຸດ ບໍຣິບູນຄົຍ 214 ປີກໍດີ....36 ປີກໍດີ....48 ປີກໍດີ ຄວນຈະຮຽກໄດ້ວ່າ ພິກຂຸຜູ້ນິທທະສະ.
- ກໍສະໄໝນັ້ນ ອັນຍະເດັຍຣະຖີປະຣິພາຊົກ ກຳລັງນັ່ງປະຊຸມສົນທະນາກຫນວ່າ ທ່ານຜູ້ມີອາຍຸ ທັງຫຼາຍ ທ່ານຜູ້ໃດຜູ້ໜຶ່ງປະພຶດພຣົມະຈັນຍ໌ ບໍຣິສຸດບໍຣິບູນຄົບ 12 ປີ, ຄວນຈະຮຽກພິກຂຸຜູ້ນິທທະສະ ທ່ານພຣະອານົນທ໌ບໍ່ຍິນດີ ບໍ່ຄັດຄ້ານຄຳກ່າວຂອງພວກອັນຍະເດັຍຣະຖີປະ ຣິພາຊົກເຫຼົ່ານັ້ນ ຄັນແລ້ວ ລຸກຈາກອາສະນະຫຼີກໄປດ້ວຍຕັງໃຈວ່າ ເຮົາຈະຮູ້ທົ່ວເຖິງເນື້ອຄວາມແຫ່ງຄຳກ່າວຂອງອັນຍະເດັຍຣະຖີປະ ຣິພາຊົກ ໃນສຳນັກຂອງພຣະຜູ້ມີພຣະພາຄ.
- ລຳດັບນັ້ນ ພຣະອານນົນທ໌ໄດ້ທ່ຽວບິນທະບາດໃນພຣະນະຄອນໂກສັມພີ ກັບຈາກບິນທະບາດໃນເວລ່ປັຈສາພັຕ ເຂົ້າໄປເຝົ້າພຣະຜູ້ມີ ພຣະພາຄເຖິງທີ່ປະທັບ ຖວາຍອະພິວາດແລ້ວນັ່ງ ນະທີ່ຄວນສ່ວນຂ້າງໜຶ່ງ, ຄັນແລ້ວ ໄດ້ຂາບທູນວ່າ ຂ້າແຕ່ພຣະອົງຜູ້ຈະເຣີນ ຂໍປະທານພຣະ ວະໂຣກາດ ເວລາເຊົ້າ ຂ້າພຣະອົງນຸ່ງແລ້ວ ຖືບາດ ແລະຈີວອນ ເຂົ້າໄປບິນທະບາດຍັງພຣະນະຄອນໂກສັມພີ ຊ້າພຣະອົງ ຄິດໄດ້ວ່າເຮົາຈະທ໋ຽວບິນທະບາດ ໃນພຣະນະຄອນໂກສັມພີ ກໍຍັງເຊົ້າຫຼາຍ ກະຢ່າເລີຍ ເຮົາຄວນເຂົ້າໄປຍັງອາຣາມຂອງພວກອັນຍະ ເດັຍຣະຖີປະ ຣິພາຊົກ, ລຳດັບນັ້ນຂ້າພຣະອົງເຂົາໄປຍັງອາຮາມຂອງພວກອັນຍະເດັຍຣະຖີປະ ຣິພາຊົໄດ້ສົນທະນາປາໄສກັບພວກ ອັນຍະເດັຍຣະຖີປະຣິພາຊົກ ຄັນຜ່ານການປາໄສພໍໃຫ້ຣະລືກເຖິງກັນໄປແລ້ວ ຈຶ່ງນັ່ງນະທີ່ຄວນສ່ວນຂ້າງໜຶ່ງ ກໍສະໄໝນັ້ນ ອັນຍະເດັຍຣະຖີປະ ຣິພາຊົກ ກຳລັງນັ່ງປະຊຸມສົນທະນາກັນວ່າ ທ່ານຜູ້ມີອາຍຸທັງຫຼາຍ ທ່ານຜູ້ໃດຜູ້ໜຶ່ງປະພຶດພຣົມະຈັນຍ໌ບໍ່ຣິສຸດ ບໍຣິບູນ ຄົບ 12 ປີ ຄວນຮຽກພິກຂຸນິທທະສະ ແຕ່ຂ້າພຣະອົງບໍ່ຍິນດີ ບໍ່ຄັດຄ້ານຄຳກ່າວຂອງອັນຍະເດັຍຣະຖີປະຣິພາຊົກເຫຼົ່ານັ້ນ ຄັນແລ້ວລຸກຈາກ ອາສະນະຫຼີກໄປ ດ້ວຍຄິດວ່າເຮົາຈະຮູ້ທົ່ວເຖິງ ເນື້ອຄວາມຂອງພາສິດນີ້ໃນສຳນັກຂອງພຣະຜູ້ມີພຣະພາຄ ຂ້າແຕ່ພຣະອົງຜູ້ຈະເຣີນ ພຣະອົງ ອາດ ຫຼືໜໍ ເພື່ອຊົງບັນຍັດພິກຂຸຜູ້ນິທທະສະ ດ້ວຍເຫຕພຽງນັບພັນສາຢ່າງດຽວ ໃນທັມວິນັຍນີ້.
- ພຣະຜູ້ມີພຣະພາຄຕັດວ່າ ດູກຣອານົນທ໌ ບໍ່ມີໃຜໆ ອາຈເພື່ອບັນຍັດພິກຂຸ ຜູ້ນິທທະສະ ດ້ວຍເຫດພຽງເພື່ອນັບພັນສາຢ່າງດຽວ ໃນທັມວິ ນັຍນີ້ ດູກຣອານົນທ໌ ວັຕຖຸແຫ່ງນິທທະສະ 7 ປະການນີ້ ເຮົາກະທຳໃຫ້ແຈ້ງດ້ວຍປັນຍາອັນຍິ່ງເອງ, ປະກາດແລ້ວ 7 ປະການເປັນຈັ່ງໃດ ດູກຣອານົນທ໌ ພິກຂຸໃນທັມວິໄນນີ້ ເປັນຜູ້
- ມີສັດທາ 1
- ມີຫິຣິ 1
- ມີໂອຕຕັປປະ 1
- ເປັນພຣະຫູສູຕ 1
- ປາຣົພຄວາມພຽຣ 1
- ມີສະຕິ 1
- ມີປັນຍາ 1
- ດູກຣອານົນທ໌ ວັຕຖຸແຫ່ງນິທທະສະ 7 ປະການນີ້ແລ ເຮົາກະທຳໃຫ້ແຈ່ງດ້ວຍປັນຍາອັນຍິ່ງເອງ ປະກາດແລ້ວ, ດູກ່ອນອານົນທ໌ ພິກຂຸຜູ້ປະກອບດ້ວຍແຫ່ງນິທທະສະ 7 ປະການນີ້ແລ ຖ້າປະພຶກພຣົມມະຈັນຍ໌ບໍຣິສຸດ ບໍຣິບຸນຄົບ 12 ປີກໍດີຄວນຈະຮຽກໄດ້ວ່າພິກຂຸ ນິທທະສະ ຖ້າປະພຶກພຣົມະຈັນຍ໌ບໍຣິສຸດ ບໍຣິບູນຄົຍ 214 ປີກໍດີ....36 ປີກໍດີ....48 ປີກໍດີ ຄວນຈະຮຽກໄດ້ວ່າ ພິກຂຸຜູ້ນິທທະສະ.
ເວຣັນຊະພຣາມ (ຕູ່ຫາພຣະພຸດທະເຈົ້າ)
- ເວຣັນຊະພຣາມກ່າວຕູ່ຫາພຣະພຸດທະເຈົ້າ.
- ຫຼັງຈາກນັ້ນ ເວຣັນຊະພຣາມໄດ້ໄປໃນພຸດທະສຳນັກ ຄັນເຖິງແລ້ວໄດ້ທູນປາໄສກັບພຣະຜູ້ມີພຣະພາຄ ຄັນຜ່ານການທູນປາໄສພໍໃຫ້ເປັນ ທີ່ບັນເທີງ ເປັນທີ່ຣະນຶກເຖິງກັນແລ້ວ ຈຶ່ງນັ່ງນະທີ່ຄວນສ່ວນຂ້າງໜຶ່ງ ເວຣັນຊະພຣາມນັ່ງ ນະທີ່ຄວນສ່ວນຂ້າງໜຶ່ງແລ້ວ ໄດ້ທູນຄຳນີ້ແດ່ພຣະ ຜູ້ມີພຣະພາຄວ່າ:
{ວ}. ທ່ານສະມະນະໂຄດົມ ຂ້າພະເຈົ້າຊາບມາວ່າ ພຣະສະມະນະໂຄດົມ ບໍ່ໄຫວ້, ບໍ່ລຸກຮັບພວກພຣາມຜູ້ແກ່, ຜູ້ເຖົ້າ, ຜູ້ໃຫຍ່ ຜູ້ລ່ວງການ ຜ່ານໄວມາໂດຍລຳດັບ ຫຼືບໍ່ເຊື້ອເຊີນດ້ວຍອາສະນະ ຂໍທີ່ຂ້າພະເຈົ້າຊາຍມານີ້ ເປັນເຊັ່ນນັ້ນຈິງ, ອັນການທີ່ທ່ານສະມະນະໂຄດົມບໍ່ໄຫວ້, ບໍ່ລຸກຮັບພວກພຣາມຜູ້ແກ່, ຜູ້ເຖົ້າ, ຜູ້ໃຫຍ່ ຜູ້ລ່ວງການ ຜ່ານໄວມາໂດຍລຳດັບ ຫຼືບໍ່ເຊື້ອເຊີນດ້ວຍອາສະນະນີ້ນັ້ນ ບໍ່ສົມຄວນເລີຍ.
{ພ}. ຕັດວ່າ, ດູກຣພຣາມ ໃນໂລກ, ທັງເທວະໂລກ, ມາຣໂລກ, ພຣົມໂລກ, ໃນໝູ່ສັດ, ພ້ອມທັງສະມະນະພຣາມ, ເທບ ແລະມະນຸດ ເຮົາບໍ່ເລັງເຫັນບຸກຄົນທີ່ເຮົາຄວນໄຫວ້, ຄວນລຸກຮັບ, ຫຼືຄວນເຊື້ອເຊີນດ້ວຍອາສະນະ ເພາະວ່າຕະຖາຄົດເພິ່ງໄຫວ້, ເພິ່ງລຸກຮັບ ຫຼືເພິ່ງເຊືອເຊີນ ບຸກຄົນໃດດ້ວຍອາສະນະ ແມ່ນສີສະຂອງບຸກຄົນນັ້ນກໍຈະເພິ່ງຂາດຕົກໄປ.
{ວ}. ພຣະສະມະນະໂຄດົມມີປົກກະຕິບໍ່ໄຍດີ.
{ພ}. ມີຢູ່ຈິງແທ້ ພຣາມ ເຫດທີ່ເຂົາກ່າວຫາເຮົາວ່າ ພຣະສະມະນະໂຄດົມມີປົກກະຕິບໍ່ໄຍດີ, ດັ່ງນີ້ ຊື່ວ່າກ່າວຖືກ, ເພາະຄວາມບໍ່ໄຍດີໃນຮູບ, ສຽງ, ກິ່ນ, ຣົສ, ໂຜຕຖັພພະ ເຫຼົ່ານັ້ນ ຕະຖາຄົຕລະໄດ້ແລ້ວ, ຕັດຮາກຂາດແລ້ວ, ທຳໃຫ້ເໝືອນຕານຍອດກຸດ ທຳບໍ່ໃຫ້ມີໃນພາຍຫຼັງ, ມີບໍ່ເກີດອີກ, ຕໍ່ໄປເປັນທັມມະດາ, ນີ້ແລ ເຫດທີ່ເຂົາກ່າວຫາວ່າພຣະສະມະນະໂຄດົມມີປົກກະຕິບໍ່ໄຍດີ ດັ່ງນີ້ຊື່ວ່າກ່າວຖືກ, ແຕ່ບໍ່ໃຊ່ເຫດທີ່ທ່າມຸ້ງກ່າວ.
{ວ}. ພຣະສະມະນະໂຄດົມບໍ່ມີສົມບັດ.
{ພ} ມີຢູ່ຈິງແທ້ພຣາມ ເຫດທີ່ເຂົາກ່າວຫາເຮົາວ່າ ພຣະສະມະນະໂຄດົມບໍ່ມີສົມບັດ, ດັ່ງນີ້ຊື່ວ່າກ່າວຖືກ ເພາະສົມບັດ ຄື ຮູບ, ສຽງ, ກິ່ນ, ຣົສ ໂຜຕຖັພພະເຫຼົ່ານັ້ນ, ຕະຖະຄົດລະໄດ້ແລ້ວ ຕັດຮາກຂາດແລ້ວ ທຳໃຫ້ເປັນເໝືອນຕານຍອດກຸດ ທຳບໍ່ໃຫ້ມີໃນພາຍຫຼັງ ມີບໍ່ເກີດອີກຕໍ່ໄປ ເປັນ ນີ້ແລເຫດທີ່ເຂົາກ່າວກາເຮົາວ່າ ພຣະສະມະນະໂຄດົມບໍ່ມີສົມບັດ ດັ່ງນີ້ ຊື່ວ່າກ່າວຖືກ ແຕ່ບໍ່ແມ່ນເຫດທີ່ທ່ານມຸ້ງກ່າວ.
{ວ}. ພຣະສະມະນະໂຄດົມກ່າວການບໍ່ທຳ.
{ພ} ມີຢູ່ຈິງແທ້ພຣາມ ເຫດທີ່ເຂົາກ່າວຫາວ່າ ພຣະສະມະນະໂຄດົມກ່າວການບໍ່ທຳດັ່ງນີ້, ຊື່ວ່າກ່າວຖືກ ເພາະເຮົາກ່າວການບໍ່ທໍາກາຍທຸດຈະ ຣິຕ, ວະຈີທຸຈະຣິຕ, ມະໂນທຸຕຈະຣິຕ ເຮົາການການບໍ່ທຳສິ່ງທີ່ເປັນບາບອະກຸສົນຫຼາຍຢ່າງນີ້ແລ, ເຫດທີ່ເຂົາກ່າວກາວ່າພຣະສະມະນະໂຄດົມ ກ່າວການບໍ່ທຳ ດັ່ງນີ້ຊື່ວ່າກ່າວຖືກ ແຕ່ບໍ່ແມ່ນເຫດທີ່ທ່ານມຸ້ງກ່າວ.
{ວ}. ພຣະສະມະນະໂຄດົມບໍ່ມີສົມບັດ.
{ພ} (ຍັງມີຕໍ່ ເຊີນຕິດຕາມບົດສະຫຼຸບ ຂອງເລື່ອງໄດ້)
ໝາຍເຫດ:
- {ວ}. ເວຣັນຊະພຣາມ.
- {ພ}. ພຣະຜູ້ມີພຣະພາຄ.
- ຫຼັງຈາກນັ້ນ ເວຣັນຊະພຣາມໄດ້ໄປໃນພຸດທະສຳນັກ ຄັນເຖິງແລ້ວໄດ້ທູນປາໄສກັບພຣະຜູ້ມີພຣະພາຄ ຄັນຜ່ານການທູນປາໄສພໍໃຫ້ເປັນ ທີ່ບັນເທີງ ເປັນທີ່ຣະນຶກເຖິງກັນແລ້ວ ຈຶ່ງນັ່ງນະທີ່ຄວນສ່ວນຂ້າງໜຶ່ງ ເວຣັນຊະພຣາມນັ່ງ ນະທີ່ຄວນສ່ວນຂ້າງໜຶ່ງແລ້ວ ໄດ້ທູນຄຳນີ້ແດ່ພຣະ ຜູ້ມີພຣະພາຄວ່າ:
{ວ}. ທ່ານສະມະນະໂຄດົມ ຂ້າພະເຈົ້າຊາບມາວ່າ ພຣະສະມະນະໂຄດົມ ບໍ່ໄຫວ້, ບໍ່ລຸກຮັບພວກພຣາມຜູ້ແກ່, ຜູ້ເຖົ້າ, ຜູ້ໃຫຍ່ ຜູ້ລ່ວງການ ຜ່ານໄວມາໂດຍລຳດັບ ຫຼືບໍ່ເຊື້ອເຊີນດ້ວຍອາສະນະ ຂໍທີ່ຂ້າພະເຈົ້າຊາຍມານີ້ ເປັນເຊັ່ນນັ້ນຈິງ, ອັນການທີ່ທ່ານສະມະນະໂຄດົມບໍ່ໄຫວ້, ບໍ່ລຸກຮັບພວກພຣາມຜູ້ແກ່, ຜູ້ເຖົ້າ, ຜູ້ໃຫຍ່ ຜູ້ລ່ວງການ ຜ່ານໄວມາໂດຍລຳດັບ ຫຼືບໍ່ເຊື້ອເຊີນດ້ວຍອາສະນະນີ້ນັ້ນ ບໍ່ສົມຄວນເລີຍ.
{ພ}. ຕັດວ່າ, ດູກຣພຣາມ ໃນໂລກ, ທັງເທວະໂລກ, ມາຣໂລກ, ພຣົມໂລກ, ໃນໝູ່ສັດ, ພ້ອມທັງສະມະນະພຣາມ, ເທບ ແລະມະນຸດ ເຮົາບໍ່ເລັງເຫັນບຸກຄົນທີ່ເຮົາຄວນໄຫວ້, ຄວນລຸກຮັບ, ຫຼືຄວນເຊື້ອເຊີນດ້ວຍອາສະນະ ເພາະວ່າຕະຖາຄົດເພິ່ງໄຫວ້, ເພິ່ງລຸກຮັບ ຫຼືເພິ່ງເຊືອເຊີນ ບຸກຄົນໃດດ້ວຍອາສະນະ ແມ່ນສີສະຂອງບຸກຄົນນັ້ນກໍຈະເພິ່ງຂາດຕົກໄປ.
{ວ}. ພຣະສະມະນະໂຄດົມມີປົກກະຕິບໍ່ໄຍດີ.
{ພ}. ມີຢູ່ຈິງແທ້ ພຣາມ ເຫດທີ່ເຂົາກ່າວຫາເຮົາວ່າ ພຣະສະມະນະໂຄດົມມີປົກກະຕິບໍ່ໄຍດີ, ດັ່ງນີ້ ຊື່ວ່າກ່າວຖືກ, ເພາະຄວາມບໍ່ໄຍດີໃນຮູບ, ສຽງ, ກິ່ນ, ຣົສ, ໂຜຕຖັພພະ ເຫຼົ່ານັ້ນ ຕະຖາຄົຕລະໄດ້ແລ້ວ, ຕັດຮາກຂາດແລ້ວ, ທຳໃຫ້ເໝືອນຕານຍອດກຸດ ທຳບໍ່ໃຫ້ມີໃນພາຍຫຼັງ, ມີບໍ່ເກີດອີກ, ຕໍ່ໄປເປັນທັມມະດາ, ນີ້ແລ ເຫດທີ່ເຂົາກ່າວຫາວ່າພຣະສະມະນະໂຄດົມມີປົກກະຕິບໍ່ໄຍດີ ດັ່ງນີ້ຊື່ວ່າກ່າວຖືກ, ແຕ່ບໍ່ໃຊ່ເຫດທີ່ທ່າມຸ້ງກ່າວ.
{ວ}. ພຣະສະມະນະໂຄດົມບໍ່ມີສົມບັດ.
{ພ} ມີຢູ່ຈິງແທ້ພຣາມ ເຫດທີ່ເຂົາກ່າວຫາເຮົາວ່າ ພຣະສະມະນະໂຄດົມບໍ່ມີສົມບັດ, ດັ່ງນີ້ຊື່ວ່າກ່າວຖືກ ເພາະສົມບັດ ຄື ຮູບ, ສຽງ, ກິ່ນ, ຣົສ ໂຜຕຖັພພະເຫຼົ່ານັ້ນ, ຕະຖະຄົດລະໄດ້ແລ້ວ ຕັດຮາກຂາດແລ້ວ ທຳໃຫ້ເປັນເໝືອນຕານຍອດກຸດ ທຳບໍ່ໃຫ້ມີໃນພາຍຫຼັງ ມີບໍ່ເກີດອີກຕໍ່ໄປ ເປັນ ນີ້ແລເຫດທີ່ເຂົາກ່າວກາເຮົາວ່າ ພຣະສະມະນະໂຄດົມບໍ່ມີສົມບັດ ດັ່ງນີ້ ຊື່ວ່າກ່າວຖືກ ແຕ່ບໍ່ແມ່ນເຫດທີ່ທ່ານມຸ້ງກ່າວ.
{ວ}. ພຣະສະມະນະໂຄດົມກ່າວການບໍ່ທຳ.
{ພ} ມີຢູ່ຈິງແທ້ພຣາມ ເຫດທີ່ເຂົາກ່າວຫາວ່າ ພຣະສະມະນະໂຄດົມກ່າວການບໍ່ທຳດັ່ງນີ້, ຊື່ວ່າກ່າວຖືກ ເພາະເຮົາກ່າວການບໍ່ທໍາກາຍທຸດຈະ ຣິຕ, ວະຈີທຸຈະຣິຕ, ມະໂນທຸຕຈະຣິຕ ເຮົາການການບໍ່ທຳສິ່ງທີ່ເປັນບາບອະກຸສົນຫຼາຍຢ່າງນີ້ແລ, ເຫດທີ່ເຂົາກ່າວກາວ່າພຣະສະມະນະໂຄດົມ ກ່າວການບໍ່ທຳ ດັ່ງນີ້ຊື່ວ່າກ່າວຖືກ ແຕ່ບໍ່ແມ່ນເຫດທີ່ທ່ານມຸ້ງກ່າວ.
{ວ}. ພຣະສະມະນະໂຄດົມບໍ່ມີສົມບັດ.
{ພ} (ຍັງມີຕໍ່ ເຊີນຕິດຕາມບົດສະຫຼຸບ ຂອງເລື່ອງໄດ້)
ໝາຍເຫດ:
- {ວ}. ເວຣັນຊະພຣາມ.
- {ພ}. ພຣະຜູ້ມີພຣະພາຄ.
ເຣື່ອງ: ອະໄພຣາຊະກຸມານ.
- ຂ້າພະເຈົ້າໄດ້ສະດັບມາຢ່າງນີ້ :-
- ສະໄໝໜຶ່ງ ພຣະຜູ້ມີພຣະພາກເຈົ້າ ປະທັບຢູ່ ນະເວລຸວັນກະລັນທະກະນິວາປະສະຖານ ເຂດພຣະນະຄອນຣາຊະຄື, ຄັ້ງນັ້ນພຣະຣາຊະ ກຸມານພຣະນາມວ່າ ອະໄພ ສະເດັດໄປຫານິຄຣົນຕະບຸດ ທີ່ຢູ່ຊົງອະພິວາທະນິຄຣົນຖ໌ນາບຸດແລ້ວ ປະທັຍນັ່ງນະທີ່ຄວນສ່ວນຂ້າງໜຶ່ງ.
- ນິຄຣົນຖ໌ນາບຸດ ໄດ້ທູນອະໄພຣາຊະກຸມານວ່າ ໄປເຖີດພຣະຣາຊະກຸມານ ເຊີນພຣະອົງ ທົງຍົກວາທະແກ່ພຣະສະມະນະໂຄດົມ, ເມື່ອພຣະສະມະນະໂຄດົມຢ່າງໜີແລ້ວ ກິດຕະສັບອັນງາມຂອງພຣະອົງຈັກລືກະສ່ອນໄປວ່າ ອະໄພຣາຊະກຸມານຊົງຍົກວາທະແກ່ພຣະສະ ມະນະໂຄດົມຜູ້ມີຣິດ ມີອານຸພາບມາກ ຢ່າງນີ້.
- ອະໄພຣາຊະກຸມານຕັດຖາມວ່າ ທ່ານຜູ້ຈະເຣີຍ ກໍຂ້າພະເຈົ້າຈະຍົກວາທະແກ່ພຣະສະມະນະໂຄດົມ ຜູ້ມີຣິດມາກ ມີອານຸພາບມາກຢ່າງນີ້ ໄດ້ຢ່າງໃດ ?
- ນິຄຣົນຖ໌ນາຕບຸດທູນວ່າ ໄປເຖີດ ພຣະຣາຊະກຸມານ ເຊີນພຣະອົງສະເດັດໄປເຝົ້າພຣະສາມະນະໂຄດົມ ເຖິງທີປະທັບ ແລ້ວຈົ່ງທູນຖາມ ພຣະສະມະນະໂຄດົມຢ່າງນີ້ວ່າ :-
- ຂ້າແຕ່ ພຣະອົງຜູ້ຈະເຣີນ ພຣະຕະຖາຄົດຈະເພິ່ງ ຕັດພຣະວາຈາອັນບໍ່ເປັນທີ່ຊອບຂອງຄົນອື່ນແນ່ຫຼືນໍ ? ຖ້າພຣະສະມະໂຄດົມຖືກຖາມ ຢ່າງໜີ້ແລ້ວ ຈະຊົງຍົກພຣະຍາກອນວ່າ ດູກ່ອນຣາຊະກຸມານ ຕະຖະຄົດເພິ່ງກ່າວວາຈາອັນເປັນທີ່ຮັກ ບໍ່ເປັນທີ່ຊອບໃຈຂອງຄົນອື່ນ ດັ່ງນີ້ແລ້ວແລ, ພຣະອົງເພິ່ງທູນພຣະສະມະນະໂຄດົມວ່າຢ່າງນີ້, ຂ້າແຕ່ພຣະອົງຜູ້ຈະເຣີນ ເມື່ອເປັນຢ່າງນັ້ນ ການກະທໍາຂອງພຣະອົງ ຈະຕ່າງອັນໃດຈາກປຸຖຸຊົນລະ, ເພາະແມ່ປຸຖຸຊົນກໍເພິ່ງກ່າວວາຈາອັນບໍ່ເປັນທີ່ຮັກ, ບໍ່ເປັນທີ່ຊອບໃຈຂອງຄົນອື່ນ ຖ້າພຣະສະມະນະໂຄ ດົມຖືກຖາມຢ່າງນີ້ແລ້ວ ຊົງພະຍາກອນຢ່າງນີ້ວ່າ ດູກ່ອນຣາຊະກຸມານ ຕະຖາຄົດບໍ່ເພິ່ງກ່າວວາຈາອັນບໍ່ເປັນທີ່ຮັກ, ບໍ່ເປັນທີ່ຊອບໃຈຂອງ ຄົນອື່ນ ດັ່ງນີ້ແລ້ວແລ, ພຣະອົງເພິ່ງທູນພຣະສະມະໂຄດົມຢ່າງນີ້ ວ່າ, ຂ້າແຕ່ພຣະອົງຜູ້ຈະເຣີນ ເມື່ອເປັນຢ່າງນັ້ນ ຢ່າງໄດ, ພຣະອົງຈຶ່ງຊົງພຣະຍາກອນພຣະເທວະທັຕ ເທວະທັຕຈັກເກີດໃນອະບາຍ ຈັກເກີດໃນນະຣົກ ຕັ້ງຢູ່ສິ້ນກັປໜຶ່ງ ເປັນຜູ້ອັນໃຄຢຽວຢາບໍ່ໄດ້ ດັ່ງນີ້ ເພາະພຣະວາຈາຂອງພຣະອົງນັ້ນ, ພຣະເທວະທັດ ໂກດເສັຍໃຈ ດູກ່ອນພຣະຣາຊະກຸມານ ພຣະສະມະນະໂຄດົມຖືກພຣະອົງທູນຖາມ ບັນຫາສອງເງື່ອນນີ້ແລ້ວ, ຈະບໍ່ອາດກືນເຂົ້າ ບໍ່ອາດຄາຍອອກໄດ້ເລີຍ, ປຽບເໝືອນກະຈັບເຫຼັກທີ່ຕິດຢູ່ໃນຄໍຂອງບູຣຸດ, ບູຣຸດນັ້ນຈະບໍ່ອາດ ກືນເຂົ້າ ບໍ່ອາດຄາຍອອກໄດ້ສັນໃດ, ດູກ່ອນກຸມານ ພຣະສະມະນະໂຄດົມກໍສັນນັ້ນ, ຖືກພຣະອົງທູນບັນຫາສອງເງື່ອນນີ້ແລ້ວ ຈະບໍ່ອາດ ກືນເຂົ້າ ບໍ່ອາດຄາຍອອກໄດ້ເລີຍ.
- ອະໄພກຸມານຮັບຄໍານິຄຣົນຖ໌ນາຕບຸດແລ້ວ ສະເດັດລຸກຈາກອາສະນະຊົງອະພິວາດນິຄຣົນຖ໌ນາຕບຸດ ຊົງປະທັກຂີນແລ້ວ ສະເດັກເຂົ້າໄປ ເຝົ້າພຣະຜູ້ມີພຣະພາຄເຖິງທີ່ປະທັບ ແລ້ວຖວາຍບັງຄົມພຣະຜູ້ມີພຣະພາຄແລ້ວ ປະທັຍນັ່ງນະທີ່ຄວນສ່ວນຂ້າງໜຶ່ງ, ຄັນແລ້ວຊົງແຫງນເບິ່ງພຣະອາທິດ ຊໄງພຣະດຳຣິວ່າ ວັນນີ້ມິໄຊ່ການ ຈະຍົກວາທະແກ່ພຣະຜູ້ມີພຣະພາຄ ມື້ອື່ນເຖີ້ນ, ເຮົາຈັກຍົກວາທະແກ່ພຣະຜູ້ມີພຣະພາຄ ໃນນິເວດຂອງເຮົາ ດັ່ງນີ້ແລ້ວ ຈຶ່ງຂາບທູນພຣະຜູ້ມີພຣະພາຄວ່າ, ຂ້າແຕ່ພຣະອົງຜູ້ຈະເຣີນ ຂໍພຣະຜູ້ມີພຣະພາຄ ມີພຣະອົງ ເປັນທີ 4 ຈົ່ງຮັບພັດຕາການຂອງຂ້ານ້ອຍ, ເພື່ອສະເຫວີຍໃນມື້ອື່ນ, ພຣະຜູ້ມີພຣະພາຄຊົງຮັບດ້ວຍ ດຸສະນີຍະພາບ.
- ລຳດັບນັ້ນ, ອະໄພຣາຊະກຸມານຊົງຊາບວ່າ ພຣະຜູ້ມີພຣະພາກຊົງຮັບແລ້ວ ກໍສະເດັກລຸກຈາກອາສະນະ ຖວາຍບັງຄົມພຣະຜູ້ມີພຣະພາຄ ທຳປະທັກຂີນແລ້ວສະເດັດຫຼີກໄປ, ຄັ້ງນັ້ນ ພໍລ່ວງຣາຕຣີນັ້ນໄປ ເວລາເຊົາແລ້ວຳຣະຜູ້ມີພຣະພາກຊົງນຸ່ງແລ້ວ ຊົງຖືບາດ ແລະຈີວອນ ສະເດັດໄປຍັງນິເວດຂອງອະໄພຣາຊະກຸມານ ປະທັບນັ່ງບົນອາສະນະທີ່ເຂົາປູລາດໄວ້, ລໍາດັບນັ້ນ ອະໄພຣາຊະກຸມານຊົງອັງຄາກພຣະຜູ້ມີພຣະພາຄດ້ວຍ ຂາທະນີຍະໂພຊະນິຍະອັນປານີດ ໃຫ້ອີ່ໜໍາພຽງພໍດ້ວຍພຣະຫັດຂອງພຣະອົງເອງ, ເມື່ອພຣະຜູ້ມີພຣະພາກສະເຫວີຍເສັດ ຊົງຊັກພຣະຫັດອອກຈາກບາດແລ້ວ ອະໄພຣາຊະກຸມາຣຊົງຖືອານະຕໍ່າອັນໜຶ່ງປະທັບນັ່ງ ນະທີ່ຄວນ ່ສວນຂ້າງໜຶ່ງ.
ກ. ວາຈາບໍ່ເປັນທີ່ຮັກ.
- ອະໄພຣາຊະກຸມາຮປະທັບ ນະທີ່ຄວນສ່ວນຂ້າງໜຶ່ງແລ້ວ ໄດ້ທູນຖາມພຣະຜູ້ມີພຣະພາກເຈົ້າວ່່າ ຂ້າແຕ່ພຣະອົງຜູ້ຈະເຣີນ ພຣະຕະຖາຄົດ ຈະເພິ່ງຕັດພຣະວາຈາອັນບໍ່ເປັນທີ່ຮັກ ບໍ່ເປັນທີ່ພໍໃຈຂອງຄົນອື່ນແນ່ບໍນໍ ?
- ພຣະຜູ້ມີພຣະພາຄຕັດວ່າ : ດູກຣ ຣາຊະກຸມານ ໃນບັນຫານີ້ ຈະວິສັຊນາໂດຍສ່່ວນດຽວບໍ່ໄດ້.
- ອະໄພຣາຊະກຸມານ : ຂ້າແຕ່ພຣະອົງຜູ້ຈະເຣີນ ເພາະບັນຫາຂໍ້ນີ້ ພວກນິຄຣົນໄດ້ສິບຫາຍແລ້ວ.
- ພຣະຜູ້ມີພຣະພາຄຕັດວ່າ : ດູກຣ ຣາຊະກຸມານ ເຫດສັນໃດພຣະອົງຈຶ່ງຕັດຢ່າງນັ້ນເລົ່າ ?
- ອະໄພຣາຊະກຸມານ : ຂ້າແຕ່ພຣະອົງຜູ້ຈະເຣີນ ເພາະບັນຫາຂໍ້ນີ້ ພວກນິຄຣົນຖ໌ໄດ້ຈິບຫາຍແລ້ວ, ຂ້າແຕ່ພຣະອົງຜູ້ຈະເຣີນ ຂໍປະທານພຣະ ວະໂຣກາດ, ຂ້ານ້ອຍໄປຫານິຄຣົນຖ໌ນາຕະບຸດເຖິງທີ່ຢູ່ ອະພິວາດແລ້ວ ນັ່ງນະທີ່ຄວນສ່ວນຂ້າງໜຶ່ງ, ນິຄຣົນຖ໌ນາຕະບຸດໄດ້ບອກວ່າ ໄປເຖີດ ພຣະກຸມານ ເຊີນພຣະອົງສະເດັດໄປ ຍົກວາທະແກ່ພຣະສະມະນະໂຄດົມເຖີດ, ເມື່ອພຣະອົງຍົກວາທະແກ່ພຣະສະມະນະໂຄດົມຢ່າງນີ້ ກິດຕິສັບອັນງາມ ຂອງພຣະອົງຈະລືກະສ່ອນໄປວ່າ อภัยราชกุมารยกวาทะแก่พระสมณโคดม ผู้มีฤทธิ์มาก มีอานุภาพมาก อย่างนี้ เมื่อนิครนถ์นาฏบุตรกล่าวอย่างนี้ หม่อมฉันได้ถามว่า ท่านผู้เจริญ ก็ข้าพเจ้าจะยกวาทะ แก่พระสมณโคดมผู้มีฤทธิ์มาก มีอานุภาพมากอย่างนี้ได้อย่างไร นิครนถ์นาฏบุตรตอบว่า ไปเถิด พระราชกุมาร เชิญพระองค์เสด็จเข้าไปเฝ้าพระสมณโคดมถึงที่ประทับ แล้วจงทูลถามอย่างนี้ว่า ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ พระตถาคตจะพึงตรัสพระวาจาอันไม่เป็นที่รัก ไม่เป็นที่ชอบใจของผู้อื่น บ้างหรือหนอ ถ้าพระสมณโคดมถูกพระองค์ทูลถามอย่างนี้แล้ว จะทรงพยากรณ์อย่างนี้ว่า ดูกร ราชกุมาร ตถาคตพึงกล่าววาจาอันไม่เป็นที่รัก ไม่เป็นที่ชอบใจของผู้อื่น ดังนี้ไซร้ พระองค์พึง ทูลพระสมณโคดมอย่างนี้ว่า ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ เมื่อเป็นอย่างนั้น การกระทำของพระองค์ จะต่างอะไรจากปุถุชนเล่า เพราะแม้ปุถุชนก็กล่าววาจาอันไม่เป็นที่รัก ไม่เป็นที่ชอบใจของผู้อื่น แต่ถ้าพระสมณโคดมถูกพระองค์ทูลถามอย่างนี้แล้ว จะทรงพยากรณ์อย่างนี้ว่า ดูกรราชกุมาร ตถาคตไม่พึงกล่าววาจา อันไม่เป็นที่รัก ไม่เป็นที่ชอบใจของผู้อื่น ดังนี้ไซร้ พระองค์พึงทูล พระสมณโคดมอย่างนี้ว่า ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ เมื่อเป็นอย่างนั้น อย่างไรพระองค์จึงทรงพยากรณ์ เทวทัตต์ว่า เทวทัตต์จักเกิดในอบาย จักเกิดในนรก ตั้งอยู่สิ้นกัปหนึ่ง เป็นผู้อันใครๆ เยียวยา ไม่ได้ ดังนี้ เพราะพระวาจาของพระองค์นั้น พระเทวทัตต์โกรธ เสียใจ ดูกรพระราชกุมาร พระสมณโคดมถูกพระองค์ทูลถามปัญหาสองเงื่อนนี้แล้ว จะไม่อาจกลืนเข้า ไม่อาจคายออกได้เลย เปรียบเหมือนกะจับเหล็กติดอยู่ในคอของบุรุษ บุรุษนั้นจะไม่อาจกลืนเข้า ไม่อาจคายออกได้ ฉันใด ดูกรพระราชกุมาร พระสมณโคดมก็ฉันนั้น ถูกพระองค์ทูลถามปัญหาสองเงื่อนนี้แล้ว ไม่อาจกลืนเข้า จะไม่อาจคายออกได้เลย.
วาจาที่ประกอบด้วยประโยชน์
สมัยนั้นแล เด็กอ่อนเพียงได้แต่นอน นั่งอยู่บนตักของอภัยราชกุมาร ลำดับนั้น พระผู้มีพระภาคได้ตรัสกะอภัยราชกุมารว่า ดูกรราชกุมาร ท่านจะสำคัญความข้อนั้นเป็นไฉน ถ้ากุมารนี้อาศัยความเผลอของพระองค์ หรือของหญิงพี่เลี้ยง พึงนำไม้หรือก้อนกรวดมาใส่ในปาก พระองค์จะพึงทำเด็กนั้นอย่างไร?
ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ หม่อมฉันจะพึงนำออกเสีย ถ้าหม่อมฉันไม่อาจจะนำออกได้แต่ ทีแรก หม่อมฉันก็จะเอามือซ้ายประคองศีรษะแล้วงอนิ้วมือขวาควักไม้หรือก้อนกรวดแม้พร้อม ด้วยเลือดออกเสีย ข้อนั้นเพราะเหตุไร เพราะหม่อมฉันมีความเอ็นดูในกุมาร.
ดูกรราชกุมาร ตถาคตก็ฉันนั้นเหมือนกัน ย่อมรู้วาจาที่ไม่จริง ไม่แท้ ไม่ประกอบด้วย ประโยชน์ และวาจานั้นไม่เป็นที่รัก ไม่เป็นที่ชอบใจของผู้อื่น ตถาคตไม่กล่าววาจานั้น อนึ่ง ตถาคตย่อมรู้วาจาที่จริง ที่แท้ แต่ไม่ประกอบด้วยประโยชน์ และวาจานั้นไม่เป็นที่รัก ไม่เป็นที่ ชอบใจของผู้อื่น ตถาคตไม่กล่าววาจานั้น อนึ่ง ตถาคตย่อมรู้วาจาที่จริง วาจาที่แท้ และประกอบ ด้วยประโยชน์ แต่วาจานั้นไม่เป็นที่รัก ไม่เป็นที่ชอบใจของผู้อื่น ในข้อนั้น ตถาคตย่อมรู้กาลที่ จะพยากรณ์วาจานั้น ตถาคตย่อมรู้วาจาที่ไม่จริง ไม่แท้ ไม่ประกอบด้วยประโยชน์ แต่วาจานั้น เป็นที่รัก เป็นที่ชอบใจของผู้อื่น ตถาคตไม่กล่าววาจานั้น ตถาคตย่อมรู้วาจาที่จริง ที่แท้ ไม่ ประกอบด้วยประโยชน์ แต่วาจานั้นเป็นที่รัก เป็นที่ชอบใจของผู้อื่น ตถาคตไม่กล่าววาจานั้น อนึ่ง ตถาคตย่อมรู้วาจาที่จริง ที่แท้ และประกอบด้วยประโยชน์ และวาจานั้นเป็นที่รัก เป็นที่ ชอบใจของผู้อื่น ในข้อนั้น ตถาคตย่อมรู้กาลที่จะพยากรณ์วาจานั้น ข้อนั้นเพราะเหตุไร เพราะ ตถาคตมีความเอ็นดูในสัตว์ทั้งหลาย.
พุทธปฏิภาณ
ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ กษัตริย์ผู้บัณฑิตก็ดี พราหมณ์ผู้บัณฑิตก็ดี คฤหบดีผู้ บัณฑิตก็ดี สมณะผู้บัณฑิตก็ดี ผูกปัญหาแล้วเข้ามาเฝ้าทูลถามพระตถาคต การพยากรณ์ปัญหา ของบัณฑิตเหล่านั้น พระผู้มีพระภาคทรงตรึกด้วยพระหฤทัยไว้ก่อนว่า บัณฑิตทั้งหลายจักเข้ามา เฝ้าเราแล้วทูลถามอย่างนี้ เราอันบัณฑิตเหล่านั้นทูลถามอย่างนี้แล้ว จักพยากรณ์อย่างนี้ หรือว่า พยากรณ์นั้นมาปรากฏแจ่มแจ้งกะพระตถาคตโดยทันที.
ดูกรราชกุมาร ถ้าอย่างนั้น ในข้อนี้ อาตมภาพจักกลับถามพระองค์บ้าง ข้อนี้ควรแก่ พระองค์อย่างใด พระองค์พึงพยากรณ์ข้อนั้นอย่างนั้น ดูกรราชกุมาร พระองค์จะสำคัญความ ข้อนั้นเป็นไฉน พระองค์เป็นผู้ฉลาดในส่วนน้อยใหญ่ของรถหรือ?
อย่างนั้น พระเจ้าข้า หม่อมฉันเป็นผู้ฉลาดในส่วนน้อยใหญ่ของรถ.
พระผู้มีพระภาค // ดูกรราชกุมาร พระองค์จะสำคัญความข้อนั้นเป็นไฉน ชนทั้งหลายเข้าไปเฝ้าพระองค์ แล้วพึงทูลถามอย่างนี้ว่า ส่วนน้อยใหญ่ของรถอันนี้ ชื่ออะไร การพยากรณ์ปัญหาของชนเหล่านั้น พระองค์พึงตรึกด้วยใจไว้ก่อนว่า ชนทั้งหลายเข้ามาหาเราแล้ว จักถามอย่างนี้ เราอันชนเหล่านั้น ถามอย่างนี้ จักพยากรณ์อย่างนี้ หรือว่าการพยากรณ์นั้นพึงแจ่มแจ้งกะพระองค์โดยทันที?
อภัยราชกุมาร // ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ เพราะหม่อมฉันเป็นทหารรถ รู้จักดี ฉลาดในส่วนน้อยใหญ่ ของรถ ส่วนน้อยใหญ่ของรถทั้งหมด หม่อมฉันทราบดีแล้ว ฉะนั้น การพยากรณ์ปัญหานั้น แจ่มแจ้งกะหม่อมฉันโดยทันทีทีเดียว.
ฉันนั้นเหมือนกันแล ราชกุมาร กษัตริย์ผู้บัณฑิตก็ดี พราหมณ์ผู้บัณฑิตก็ดี คฤหบดีผู้ บัณฑิตก็ดี สมณะผู้บัณฑิตก็ดี ผูกปัญหาแล้วจักเข้ามาถามตถาคต การพยากรณ์ปัญหานั้น ย่อม แจ่มแจ้งกะตถาคตโดยทันที ข้อนั้นเพราะเหตุไร เพราะความที่ธรรมธาตุนั้น ตถาคตแทงตลอด ดีแล้ว การพยากรณ์ปัญหานั้น จึงแจ่มแจ้งกะตถาคตโดยทันที.
อภัยราชกุมารแสดงตนเป็นอุบาสก
เมื่อพระผู้มีพระภาคตรัสอย่างนี้แล้ว อภัยราชกุมารได้กราบทูลว่า ข้าแต่พระองค์ ผู้เจริญ ภาษิตของพระองค์แจ่มแจ้งนัก ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ภาษิตของพระองค์แจ่มแจ้งนัก เปรียบเหมือนบุคคลหงายของที่คว่ำ เปิดของที่ปิด บอกทางแก่คนหลงทาง หรือตามประทีป ในที่มืด ด้วยหวังว่า ผู้มีจักษุจักเห็นรูป ดังนี้ ฉันใด พระผู้มีพระภาคทรงประกาศพระธรรม โดยอเนกปริยาย ฉันนั้นเหมือนกัน ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ หม่อมฉันขอถึงพระผู้มีพระภาค พระธรรมและพระภิกษุสงฆ์ ว่าเป็นสรณะ ขอพระผู้มีพระภาคจงทรงจำหม่อมฉันว่าเป็นอุบาสก ผู้ถึงสรณะตลอดชีวิต ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป ดังนี้แล.
- ສະໄໝໜຶ່ງ ພຣະຜູ້ມີພຣະພາກເຈົ້າ ປະທັບຢູ່ ນະເວລຸວັນກະລັນທະກະນິວາປະສະຖານ ເຂດພຣະນະຄອນຣາຊະຄື, ຄັ້ງນັ້ນພຣະຣາຊະ ກຸມານພຣະນາມວ່າ ອະໄພ ສະເດັດໄປຫານິຄຣົນຕະບຸດ ທີ່ຢູ່ຊົງອະພິວາທະນິຄຣົນຖ໌ນາບຸດແລ້ວ ປະທັຍນັ່ງນະທີ່ຄວນສ່ວນຂ້າງໜຶ່ງ.
- ນິຄຣົນຖ໌ນາບຸດ ໄດ້ທູນອະໄພຣາຊະກຸມານວ່າ ໄປເຖີດພຣະຣາຊະກຸມານ ເຊີນພຣະອົງ ທົງຍົກວາທະແກ່ພຣະສະມະນະໂຄດົມ, ເມື່ອພຣະສະມະນະໂຄດົມຢ່າງໜີແລ້ວ ກິດຕະສັບອັນງາມຂອງພຣະອົງຈັກລືກະສ່ອນໄປວ່າ ອະໄພຣາຊະກຸມານຊົງຍົກວາທະແກ່ພຣະສະ ມະນະໂຄດົມຜູ້ມີຣິດ ມີອານຸພາບມາກ ຢ່າງນີ້.
- ອະໄພຣາຊະກຸມານຕັດຖາມວ່າ ທ່ານຜູ້ຈະເຣີຍ ກໍຂ້າພະເຈົ້າຈະຍົກວາທະແກ່ພຣະສະມະນະໂຄດົມ ຜູ້ມີຣິດມາກ ມີອານຸພາບມາກຢ່າງນີ້ ໄດ້ຢ່າງໃດ ?
- ນິຄຣົນຖ໌ນາຕບຸດທູນວ່າ ໄປເຖີດ ພຣະຣາຊະກຸມານ ເຊີນພຣະອົງສະເດັດໄປເຝົ້າພຣະສາມະນະໂຄດົມ ເຖິງທີປະທັບ ແລ້ວຈົ່ງທູນຖາມ ພຣະສະມະນະໂຄດົມຢ່າງນີ້ວ່າ :-
- ຂ້າແຕ່ ພຣະອົງຜູ້ຈະເຣີນ ພຣະຕະຖາຄົດຈະເພິ່ງ ຕັດພຣະວາຈາອັນບໍ່ເປັນທີ່ຊອບຂອງຄົນອື່ນແນ່ຫຼືນໍ ? ຖ້າພຣະສະມະໂຄດົມຖືກຖາມ ຢ່າງໜີ້ແລ້ວ ຈະຊົງຍົກພຣະຍາກອນວ່າ ດູກ່ອນຣາຊະກຸມານ ຕະຖະຄົດເພິ່ງກ່າວວາຈາອັນເປັນທີ່ຮັກ ບໍ່ເປັນທີ່ຊອບໃຈຂອງຄົນອື່ນ ດັ່ງນີ້ແລ້ວແລ, ພຣະອົງເພິ່ງທູນພຣະສະມະນະໂຄດົມວ່າຢ່າງນີ້, ຂ້າແຕ່ພຣະອົງຜູ້ຈະເຣີນ ເມື່ອເປັນຢ່າງນັ້ນ ການກະທໍາຂອງພຣະອົງ ຈະຕ່າງອັນໃດຈາກປຸຖຸຊົນລະ, ເພາະແມ່ປຸຖຸຊົນກໍເພິ່ງກ່າວວາຈາອັນບໍ່ເປັນທີ່ຮັກ, ບໍ່ເປັນທີ່ຊອບໃຈຂອງຄົນອື່ນ ຖ້າພຣະສະມະນະໂຄ ດົມຖືກຖາມຢ່າງນີ້ແລ້ວ ຊົງພະຍາກອນຢ່າງນີ້ວ່າ ດູກ່ອນຣາຊະກຸມານ ຕະຖາຄົດບໍ່ເພິ່ງກ່າວວາຈາອັນບໍ່ເປັນທີ່ຮັກ, ບໍ່ເປັນທີ່ຊອບໃຈຂອງ ຄົນອື່ນ ດັ່ງນີ້ແລ້ວແລ, ພຣະອົງເພິ່ງທູນພຣະສະມະໂຄດົມຢ່າງນີ້ ວ່າ, ຂ້າແຕ່ພຣະອົງຜູ້ຈະເຣີນ ເມື່ອເປັນຢ່າງນັ້ນ ຢ່າງໄດ, ພຣະອົງຈຶ່ງຊົງພຣະຍາກອນພຣະເທວະທັຕ ເທວະທັຕຈັກເກີດໃນອະບາຍ ຈັກເກີດໃນນະຣົກ ຕັ້ງຢູ່ສິ້ນກັປໜຶ່ງ ເປັນຜູ້ອັນໃຄຢຽວຢາບໍ່ໄດ້ ດັ່ງນີ້ ເພາະພຣະວາຈາຂອງພຣະອົງນັ້ນ, ພຣະເທວະທັດ ໂກດເສັຍໃຈ ດູກ່ອນພຣະຣາຊະກຸມານ ພຣະສະມະນະໂຄດົມຖືກພຣະອົງທູນຖາມ ບັນຫາສອງເງື່ອນນີ້ແລ້ວ, ຈະບໍ່ອາດກືນເຂົ້າ ບໍ່ອາດຄາຍອອກໄດ້ເລີຍ, ປຽບເໝືອນກະຈັບເຫຼັກທີ່ຕິດຢູ່ໃນຄໍຂອງບູຣຸດ, ບູຣຸດນັ້ນຈະບໍ່ອາດ ກືນເຂົ້າ ບໍ່ອາດຄາຍອອກໄດ້ສັນໃດ, ດູກ່ອນກຸມານ ພຣະສະມະນະໂຄດົມກໍສັນນັ້ນ, ຖືກພຣະອົງທູນບັນຫາສອງເງື່ອນນີ້ແລ້ວ ຈະບໍ່ອາດ ກືນເຂົ້າ ບໍ່ອາດຄາຍອອກໄດ້ເລີຍ.
- ອະໄພກຸມານຮັບຄໍານິຄຣົນຖ໌ນາຕບຸດແລ້ວ ສະເດັດລຸກຈາກອາສະນະຊົງອະພິວາດນິຄຣົນຖ໌ນາຕບຸດ ຊົງປະທັກຂີນແລ້ວ ສະເດັກເຂົ້າໄປ ເຝົ້າພຣະຜູ້ມີພຣະພາຄເຖິງທີ່ປະທັບ ແລ້ວຖວາຍບັງຄົມພຣະຜູ້ມີພຣະພາຄແລ້ວ ປະທັຍນັ່ງນະທີ່ຄວນສ່ວນຂ້າງໜຶ່ງ, ຄັນແລ້ວຊົງແຫງນເບິ່ງພຣະອາທິດ ຊໄງພຣະດຳຣິວ່າ ວັນນີ້ມິໄຊ່ການ ຈະຍົກວາທະແກ່ພຣະຜູ້ມີພຣະພາຄ ມື້ອື່ນເຖີ້ນ, ເຮົາຈັກຍົກວາທະແກ່ພຣະຜູ້ມີພຣະພາຄ ໃນນິເວດຂອງເຮົາ ດັ່ງນີ້ແລ້ວ ຈຶ່ງຂາບທູນພຣະຜູ້ມີພຣະພາຄວ່າ, ຂ້າແຕ່ພຣະອົງຜູ້ຈະເຣີນ ຂໍພຣະຜູ້ມີພຣະພາຄ ມີພຣະອົງ ເປັນທີ 4 ຈົ່ງຮັບພັດຕາການຂອງຂ້ານ້ອຍ, ເພື່ອສະເຫວີຍໃນມື້ອື່ນ, ພຣະຜູ້ມີພຣະພາຄຊົງຮັບດ້ວຍ ດຸສະນີຍະພາບ.
- ລຳດັບນັ້ນ, ອະໄພຣາຊະກຸມານຊົງຊາບວ່າ ພຣະຜູ້ມີພຣະພາກຊົງຮັບແລ້ວ ກໍສະເດັກລຸກຈາກອາສະນະ ຖວາຍບັງຄົມພຣະຜູ້ມີພຣະພາຄ ທຳປະທັກຂີນແລ້ວສະເດັດຫຼີກໄປ, ຄັ້ງນັ້ນ ພໍລ່ວງຣາຕຣີນັ້ນໄປ ເວລາເຊົາແລ້ວຳຣະຜູ້ມີພຣະພາກຊົງນຸ່ງແລ້ວ ຊົງຖືບາດ ແລະຈີວອນ ສະເດັດໄປຍັງນິເວດຂອງອະໄພຣາຊະກຸມານ ປະທັບນັ່ງບົນອາສະນະທີ່ເຂົາປູລາດໄວ້, ລໍາດັບນັ້ນ ອະໄພຣາຊະກຸມານຊົງອັງຄາກພຣະຜູ້ມີພຣະພາຄດ້ວຍ ຂາທະນີຍະໂພຊະນິຍະອັນປານີດ ໃຫ້ອີ່ໜໍາພຽງພໍດ້ວຍພຣະຫັດຂອງພຣະອົງເອງ, ເມື່ອພຣະຜູ້ມີພຣະພາກສະເຫວີຍເສັດ ຊົງຊັກພຣະຫັດອອກຈາກບາດແລ້ວ ອະໄພຣາຊະກຸມາຣຊົງຖືອານະຕໍ່າອັນໜຶ່ງປະທັບນັ່ງ ນະທີ່ຄວນ ່ສວນຂ້າງໜຶ່ງ.
ກ. ວາຈາບໍ່ເປັນທີ່ຮັກ.
- ອະໄພຣາຊະກຸມາຮປະທັບ ນະທີ່ຄວນສ່ວນຂ້າງໜຶ່ງແລ້ວ ໄດ້ທູນຖາມພຣະຜູ້ມີພຣະພາກເຈົ້າວ່່າ ຂ້າແຕ່ພຣະອົງຜູ້ຈະເຣີນ ພຣະຕະຖາຄົດ ຈະເພິ່ງຕັດພຣະວາຈາອັນບໍ່ເປັນທີ່ຮັກ ບໍ່ເປັນທີ່ພໍໃຈຂອງຄົນອື່ນແນ່ບໍນໍ ?
- ພຣະຜູ້ມີພຣະພາຄຕັດວ່າ : ດູກຣ ຣາຊະກຸມານ ໃນບັນຫານີ້ ຈະວິສັຊນາໂດຍສ່່ວນດຽວບໍ່ໄດ້.
- ອະໄພຣາຊະກຸມານ : ຂ້າແຕ່ພຣະອົງຜູ້ຈະເຣີນ ເພາະບັນຫາຂໍ້ນີ້ ພວກນິຄຣົນໄດ້ສິບຫາຍແລ້ວ.
- ພຣະຜູ້ມີພຣະພາຄຕັດວ່າ : ດູກຣ ຣາຊະກຸມານ ເຫດສັນໃດພຣະອົງຈຶ່ງຕັດຢ່າງນັ້ນເລົ່າ ?
- ອະໄພຣາຊະກຸມານ : ຂ້າແຕ່ພຣະອົງຜູ້ຈະເຣີນ ເພາະບັນຫາຂໍ້ນີ້ ພວກນິຄຣົນຖ໌ໄດ້ຈິບຫາຍແລ້ວ, ຂ້າແຕ່ພຣະອົງຜູ້ຈະເຣີນ ຂໍປະທານພຣະ ວະໂຣກາດ, ຂ້ານ້ອຍໄປຫານິຄຣົນຖ໌ນາຕະບຸດເຖິງທີ່ຢູ່ ອະພິວາດແລ້ວ ນັ່ງນະທີ່ຄວນສ່ວນຂ້າງໜຶ່ງ, ນິຄຣົນຖ໌ນາຕະບຸດໄດ້ບອກວ່າ ໄປເຖີດ ພຣະກຸມານ ເຊີນພຣະອົງສະເດັດໄປ ຍົກວາທະແກ່ພຣະສະມະນະໂຄດົມເຖີດ, ເມື່ອພຣະອົງຍົກວາທະແກ່ພຣະສະມະນະໂຄດົມຢ່າງນີ້ ກິດຕິສັບອັນງາມ ຂອງພຣະອົງຈະລືກະສ່ອນໄປວ່າ อภัยราชกุมารยกวาทะแก่พระสมณโคดม ผู้มีฤทธิ์มาก มีอานุภาพมาก อย่างนี้ เมื่อนิครนถ์นาฏบุตรกล่าวอย่างนี้ หม่อมฉันได้ถามว่า ท่านผู้เจริญ ก็ข้าพเจ้าจะยกวาทะ แก่พระสมณโคดมผู้มีฤทธิ์มาก มีอานุภาพมากอย่างนี้ได้อย่างไร นิครนถ์นาฏบุตรตอบว่า ไปเถิด พระราชกุมาร เชิญพระองค์เสด็จเข้าไปเฝ้าพระสมณโคดมถึงที่ประทับ แล้วจงทูลถามอย่างนี้ว่า ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ พระตถาคตจะพึงตรัสพระวาจาอันไม่เป็นที่รัก ไม่เป็นที่ชอบใจของผู้อื่น บ้างหรือหนอ ถ้าพระสมณโคดมถูกพระองค์ทูลถามอย่างนี้แล้ว จะทรงพยากรณ์อย่างนี้ว่า ดูกร ราชกุมาร ตถาคตพึงกล่าววาจาอันไม่เป็นที่รัก ไม่เป็นที่ชอบใจของผู้อื่น ดังนี้ไซร้ พระองค์พึง ทูลพระสมณโคดมอย่างนี้ว่า ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ เมื่อเป็นอย่างนั้น การกระทำของพระองค์ จะต่างอะไรจากปุถุชนเล่า เพราะแม้ปุถุชนก็กล่าววาจาอันไม่เป็นที่รัก ไม่เป็นที่ชอบใจของผู้อื่น แต่ถ้าพระสมณโคดมถูกพระองค์ทูลถามอย่างนี้แล้ว จะทรงพยากรณ์อย่างนี้ว่า ดูกรราชกุมาร ตถาคตไม่พึงกล่าววาจา อันไม่เป็นที่รัก ไม่เป็นที่ชอบใจของผู้อื่น ดังนี้ไซร้ พระองค์พึงทูล พระสมณโคดมอย่างนี้ว่า ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ เมื่อเป็นอย่างนั้น อย่างไรพระองค์จึงทรงพยากรณ์ เทวทัตต์ว่า เทวทัตต์จักเกิดในอบาย จักเกิดในนรก ตั้งอยู่สิ้นกัปหนึ่ง เป็นผู้อันใครๆ เยียวยา ไม่ได้ ดังนี้ เพราะพระวาจาของพระองค์นั้น พระเทวทัตต์โกรธ เสียใจ ดูกรพระราชกุมาร พระสมณโคดมถูกพระองค์ทูลถามปัญหาสองเงื่อนนี้แล้ว จะไม่อาจกลืนเข้า ไม่อาจคายออกได้เลย เปรียบเหมือนกะจับเหล็กติดอยู่ในคอของบุรุษ บุรุษนั้นจะไม่อาจกลืนเข้า ไม่อาจคายออกได้ ฉันใด ดูกรพระราชกุมาร พระสมณโคดมก็ฉันนั้น ถูกพระองค์ทูลถามปัญหาสองเงื่อนนี้แล้ว ไม่อาจกลืนเข้า จะไม่อาจคายออกได้เลย.
วาจาที่ประกอบด้วยประโยชน์
สมัยนั้นแล เด็กอ่อนเพียงได้แต่นอน นั่งอยู่บนตักของอภัยราชกุมาร ลำดับนั้น พระผู้มีพระภาคได้ตรัสกะอภัยราชกุมารว่า ดูกรราชกุมาร ท่านจะสำคัญความข้อนั้นเป็นไฉน ถ้ากุมารนี้อาศัยความเผลอของพระองค์ หรือของหญิงพี่เลี้ยง พึงนำไม้หรือก้อนกรวดมาใส่ในปาก พระองค์จะพึงทำเด็กนั้นอย่างไร?
ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ หม่อมฉันจะพึงนำออกเสีย ถ้าหม่อมฉันไม่อาจจะนำออกได้แต่ ทีแรก หม่อมฉันก็จะเอามือซ้ายประคองศีรษะแล้วงอนิ้วมือขวาควักไม้หรือก้อนกรวดแม้พร้อม ด้วยเลือดออกเสีย ข้อนั้นเพราะเหตุไร เพราะหม่อมฉันมีความเอ็นดูในกุมาร.
ดูกรราชกุมาร ตถาคตก็ฉันนั้นเหมือนกัน ย่อมรู้วาจาที่ไม่จริง ไม่แท้ ไม่ประกอบด้วย ประโยชน์ และวาจานั้นไม่เป็นที่รัก ไม่เป็นที่ชอบใจของผู้อื่น ตถาคตไม่กล่าววาจานั้น อนึ่ง ตถาคตย่อมรู้วาจาที่จริง ที่แท้ แต่ไม่ประกอบด้วยประโยชน์ และวาจานั้นไม่เป็นที่รัก ไม่เป็นที่ ชอบใจของผู้อื่น ตถาคตไม่กล่าววาจานั้น อนึ่ง ตถาคตย่อมรู้วาจาที่จริง วาจาที่แท้ และประกอบ ด้วยประโยชน์ แต่วาจานั้นไม่เป็นที่รัก ไม่เป็นที่ชอบใจของผู้อื่น ในข้อนั้น ตถาคตย่อมรู้กาลที่ จะพยากรณ์วาจานั้น ตถาคตย่อมรู้วาจาที่ไม่จริง ไม่แท้ ไม่ประกอบด้วยประโยชน์ แต่วาจานั้น เป็นที่รัก เป็นที่ชอบใจของผู้อื่น ตถาคตไม่กล่าววาจานั้น ตถาคตย่อมรู้วาจาที่จริง ที่แท้ ไม่ ประกอบด้วยประโยชน์ แต่วาจานั้นเป็นที่รัก เป็นที่ชอบใจของผู้อื่น ตถาคตไม่กล่าววาจานั้น อนึ่ง ตถาคตย่อมรู้วาจาที่จริง ที่แท้ และประกอบด้วยประโยชน์ และวาจานั้นเป็นที่รัก เป็นที่ ชอบใจของผู้อื่น ในข้อนั้น ตถาคตย่อมรู้กาลที่จะพยากรณ์วาจานั้น ข้อนั้นเพราะเหตุไร เพราะ ตถาคตมีความเอ็นดูในสัตว์ทั้งหลาย.
พุทธปฏิภาณ
ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ กษัตริย์ผู้บัณฑิตก็ดี พราหมณ์ผู้บัณฑิตก็ดี คฤหบดีผู้ บัณฑิตก็ดี สมณะผู้บัณฑิตก็ดี ผูกปัญหาแล้วเข้ามาเฝ้าทูลถามพระตถาคต การพยากรณ์ปัญหา ของบัณฑิตเหล่านั้น พระผู้มีพระภาคทรงตรึกด้วยพระหฤทัยไว้ก่อนว่า บัณฑิตทั้งหลายจักเข้ามา เฝ้าเราแล้วทูลถามอย่างนี้ เราอันบัณฑิตเหล่านั้นทูลถามอย่างนี้แล้ว จักพยากรณ์อย่างนี้ หรือว่า พยากรณ์นั้นมาปรากฏแจ่มแจ้งกะพระตถาคตโดยทันที.
ดูกรราชกุมาร ถ้าอย่างนั้น ในข้อนี้ อาตมภาพจักกลับถามพระองค์บ้าง ข้อนี้ควรแก่ พระองค์อย่างใด พระองค์พึงพยากรณ์ข้อนั้นอย่างนั้น ดูกรราชกุมาร พระองค์จะสำคัญความ ข้อนั้นเป็นไฉน พระองค์เป็นผู้ฉลาดในส่วนน้อยใหญ่ของรถหรือ?
อย่างนั้น พระเจ้าข้า หม่อมฉันเป็นผู้ฉลาดในส่วนน้อยใหญ่ของรถ.
พระผู้มีพระภาค // ดูกรราชกุมาร พระองค์จะสำคัญความข้อนั้นเป็นไฉน ชนทั้งหลายเข้าไปเฝ้าพระองค์ แล้วพึงทูลถามอย่างนี้ว่า ส่วนน้อยใหญ่ของรถอันนี้ ชื่ออะไร การพยากรณ์ปัญหาของชนเหล่านั้น พระองค์พึงตรึกด้วยใจไว้ก่อนว่า ชนทั้งหลายเข้ามาหาเราแล้ว จักถามอย่างนี้ เราอันชนเหล่านั้น ถามอย่างนี้ จักพยากรณ์อย่างนี้ หรือว่าการพยากรณ์นั้นพึงแจ่มแจ้งกะพระองค์โดยทันที?
อภัยราชกุมาร // ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ เพราะหม่อมฉันเป็นทหารรถ รู้จักดี ฉลาดในส่วนน้อยใหญ่ ของรถ ส่วนน้อยใหญ่ของรถทั้งหมด หม่อมฉันทราบดีแล้ว ฉะนั้น การพยากรณ์ปัญหานั้น แจ่มแจ้งกะหม่อมฉันโดยทันทีทีเดียว.
ฉันนั้นเหมือนกันแล ราชกุมาร กษัตริย์ผู้บัณฑิตก็ดี พราหมณ์ผู้บัณฑิตก็ดี คฤหบดีผู้ บัณฑิตก็ดี สมณะผู้บัณฑิตก็ดี ผูกปัญหาแล้วจักเข้ามาถามตถาคต การพยากรณ์ปัญหานั้น ย่อม แจ่มแจ้งกะตถาคตโดยทันที ข้อนั้นเพราะเหตุไร เพราะความที่ธรรมธาตุนั้น ตถาคตแทงตลอด ดีแล้ว การพยากรณ์ปัญหานั้น จึงแจ่มแจ้งกะตถาคตโดยทันที.
อภัยราชกุมารแสดงตนเป็นอุบาสก
เมื่อพระผู้มีพระภาคตรัสอย่างนี้แล้ว อภัยราชกุมารได้กราบทูลว่า ข้าแต่พระองค์ ผู้เจริญ ภาษิตของพระองค์แจ่มแจ้งนัก ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ภาษิตของพระองค์แจ่มแจ้งนัก เปรียบเหมือนบุคคลหงายของที่คว่ำ เปิดของที่ปิด บอกทางแก่คนหลงทาง หรือตามประทีป ในที่มืด ด้วยหวังว่า ผู้มีจักษุจักเห็นรูป ดังนี้ ฉันใด พระผู้มีพระภาคทรงประกาศพระธรรม โดยอเนกปริยาย ฉันนั้นเหมือนกัน ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ หม่อมฉันขอถึงพระผู้มีพระภาค พระธรรมและพระภิกษุสงฆ์ ว่าเป็นสรณะ ขอพระผู้มีพระภาคจงทรงจำหม่อมฉันว่าเป็นอุบาสก ผู้ถึงสรณะตลอดชีวิต ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป ดังนี้แล.
ພຣະມະຫາວິຣະ (ສາສດາຂອງສາສນາເຊນ)
- ມະຫາວິຣະ ຫຼືນິຄຣົນນະຖະບຸດ ປະສູດໃນວັນທີ 12 ປີທີ 599 ກ່ອນ ຄ.ສ, ໃນວັນທີ່ປະສູດສະມາ ຊິກໃນຄອບຄົວໄດ້ມາໂຮມຕົວກັນໃນ ງານລ້ຽງທີ່ຍິ່ງໃຫຍ່, ບິດາຂອງເຂົາໄດ້ກ່າວວ່າ ຄອບຄົວເຮົາໄດ້ຮັບຄວາມ ຜາສຸກ ແລະຄວາມດີງາມຕັ້ງແຕ່ແມ່ຂອງມະຫາວິຣະໄດ້ຕັ້ງຄັບ ແລະທັງສອງນັ້ນໄດ້ຕັ້ງຊື່ລູກທີ່ເກີດມາວ່າ ວັທທະ ມານະ ແປວ່າ ຄວາມເພີ່ມພູນ ຫຼືຜູ້ຈະເຣີນ ແຕ່ວ່າບັນດາສານຸສິດຂອງພຣະມະຫາວິຣະ ໄດ້ຮຽກວ່າ ມະຫາວິຣະ ແລະພວກເຂົາໄດ້ອ້າງວ່າຊື່ນີ້ບັນດາເທບພະເຈົ້າຮຽກກັນ ຄວາມໝາຍຄືຜູ້ຊະນະທີ່ຍິ່ງໃຫຍ່ ມະຫາວິຣະເປັນ ລູກຄົນທີ 2 ເຂົາໃຊ່ຊີວິດໃນໄລຍະແຮກໆ ໃນອ້ອມກອດຂອງບິດາມານດາ. ໄດ້ຮັບຄວາມສຸກສະບາຍ ຢ່າງມາກມາຍ ໂດຍມີຄົນໃຊ້ອຳນວຍຄວາມສະດວກໃຫ້ແກ່ເຂົາ.
- ມະຫາວິຣະນັ້ນ ເປັນຜູ້ທີ່ຍົກຍ້ອງໃຫ້ກຽດຕໍ່ບິດາມານດາຢ່າງມາກ, ຕໍ່ມາເມື່ອເຕີບໃຫຍ່ຂຶ້ນ ໄດ້ສົມຣົດກັບ ຍິງຄົນໜຶ່ງ ແລະມີລູກສາວໜຶ່ງຄົນ ມະຫາວິຣະນັ້ນໄດ້ໃຊ້ຊີວິດຢ່າງສຸກສະບາຍ ເພາະເຂົານັ້ນເປັນລູກຊາຍຂອງ ເຈົ້າເມືອງ ບ້ານຂອງບິດາເຂົາ ເປັນທີ່ຢ້ຽມຢາມຂອງບັນດານັກບວດ ແລະພຣະທຸກໆຄັ້ງ ທີ່ນັກບວດໄດ້ຢ້ຽມຢາມ ພວກເຂົາເຫຼົ່ານັ້ນຈະໄດ້ຮັບການຕ້ອນຮັບຢ່າງດີ ແລະສົມກຽດ ແລະມະຫາວິຣະກໍຈະໄປນັ່ງຟັງຄຳສອນຈາກພວກ ນັກບວດເຫຼົ່ານີ້ ເຊິ່ງທຳໃຫ້ເຂົາປະຫຼາດໃຈໃນຄຳສອນເຫຼົ່ານັ້ນ ແລະຕົວເຂົາ ເອງນັ້ນມີຄວາມປາຖະໜາທີ່ຈະຕິດ ຕາມພວກນັກບວດເຫຼົ່ານັ້ນ ແຕ່ເພາະຄວາມຮັກທີ່ມີໃຫ້ບິດາ ມານດາ ໄດ້ຢັບຢັ້ງໃຫ້ເຂົາຈາກການທໍາໃຫ້ບັນລຸ ຕາມຄວາມປາຖະໜາ ໂດຍເຂົາຮູ້ດີວ່າທ່ານທັງສອງນັ້ນ ບໍ່ຕ້ອງການໃຫ້ມະຫາວິຣະ ໃຊ້ຊີວິດຢູ່ໃນຫົນທາງ ຂອງນັກບວດ.
- ພາຍຫຼັງ ບິດາມານດາຂອງເຂົາໄດ້ເສັຍຊີວິດແລ້ວ ອ້າຍຂອງເຂົາໄດ້ຂຶ້ນປົກຄອງເມືອງແທນບິດາຂອງເຂົາ ຫຼັງຈາກທີ່ອ້າຍຂອງເຂົາໄດ້ຂຶ້ນ ປົກຄອງເມືອງໄດ້ 1 ປີເຕັມ, ມະຫາວິຣະໄດ້ຂໍອະນຸຍາດ ຈາກອ້າຍຂອງເຂົາເພື່ອ ທີ່ຈະເປັນນັກບວດ, ອ້າຍຂອງເຂົາກໍອະນຸຍາດຕາມຄຳຂໍ.
- ດັ່ງນັ້ນ, ເຂົາຈຶ່ງເຣີ່ມຖອດເຄື່ອງແຕ່ງກາຍຂອງເຂົາອອກ ພ້ອມກັບແຕ່ງກາຍຂອງນັກບວດ, ຕໍ່ມາເຂົາເຣີ່ມ ລົດອາຫານ ແລະເຄື່ອງດື່ມ ໃຫ້ນ້ອຍລົງ ແລະໃຊ້ຊີວິດຢູ່ກັບປັດໄຈຢັ້ງຊີບທີ່ເລັກໆນ້ອຍໆ, ຫຼັງຈາກນັ້ນ 13 ເດືອນຕໍ່ມາເຂົາກໍເປືອຍກາຍ.
- ແທ້ທີ່ຈິງ ມະຫາວິຣະ ໄດ້ບັນລຸເຖິງຂັ້ນໜຶ່ງ ເຂົາໄດ້ຂະຈັດກິເລສຕ່າງໆອອກໝົດສິ້ນ, ບໍ່ມີຄວາມອາຍ, ບໍ່ມີຄວາມເຈັບປວດ, ບໍ່ມີຄວາມດີໃຈ ເສັຍໃຈ, ເຂົາຍັງຝຶກຝົນການບຳເພັງຕົນເປັນເວລາ 12 ປີດ້ວຍກັນ, ຫຼັງຈາກບັນລຸເຖິງຂັ້ນນີ້ແລ້ວ ເຂົາກໍເຣີ່ມຕົ້ນໃໝ່ ຄືການຮຽກຮ້ອງໄປສູ່ແນວ ທາງຂອງເຂົາ, ເຂົາເຣີ່ມຕົ້ນຈາກ ຄອບຄົວ ຍາດພີ່ນ້ອງໃກ້ຊິດຕລອດຈົນປະຊາຊົນໃນເມືອງຂອງເຂົາ, ພວກເຂົາເຫຼົ່ານີ້ໄດ້ໃຫ້ການຕອບຮັບແນວ ທາງຂອງມະຫາວິຣະເປັນຢ່າງດີ, ເຂົາຍັງຄົງປະກາດແນວທາງຂອງເຂົາຈົນເຖິງ ອາຍຸ 72 ປີ ແລະເຈົາກໍໄດ້ພຳ ນັກຢູ່ເມືອງໆໜຶ່ງ ຊື່ວ່າ ບານາປຸຣີ(ອ່ານຕາມພາສາອາຫຼັບ) ເຂົານັ້ນໄດ້ເທສນາທັມ 55 ຄັ້ງ, ແລະໄດ້ຕອບ ຄໍາຖາມເຖິງ 36 ຄຳຖາມ, ທີ່ບໍ່ເຄີຍຖືກຖາມມາກ່ອນເລີຍ.
- ພາຍຫຼັງຈາກນີ້ໄດ້ບໍ່ນານໃນປີທີ 527 ກ່ອນ ຄສ. ມະຫາວິຣະໄດ້ເສັຍຊີວິດຢ່າງສະຫງົບຄົນດຽວ ໂດບບໍ່ມີຜູ້ໃດຢູ່ພ້ອມກັບທ່ານເລີຍ, ມະຫາວິຣະນັ້ນ ໄດ້ເປັນອິສຣະຈາກພັນທະນາການຈາກຊີວິດໃນໂລກ ແລະເຂົາໄດ້ຖິ້ມມໍຣະດົກເອົາໄວ້ ນັ້ນກໍຄືຄໍາສັ່ງເສັຍຕ່າງໆ ແລະຄຳສອນຕ່າງໆ ໃນສາສນາເຊນ ໃຫ້ແກ່ຄົນ ອິນເດັຍຈົນກະທັງເຖິງທຸກວັນນີ້.
- ມະຫາວິຣະນັ້ນ ເປັນຜູ້ທີ່ຍົກຍ້ອງໃຫ້ກຽດຕໍ່ບິດາມານດາຢ່າງມາກ, ຕໍ່ມາເມື່ອເຕີບໃຫຍ່ຂຶ້ນ ໄດ້ສົມຣົດກັບ ຍິງຄົນໜຶ່ງ ແລະມີລູກສາວໜຶ່ງຄົນ ມະຫາວິຣະນັ້ນໄດ້ໃຊ້ຊີວິດຢ່າງສຸກສະບາຍ ເພາະເຂົານັ້ນເປັນລູກຊາຍຂອງ ເຈົ້າເມືອງ ບ້ານຂອງບິດາເຂົາ ເປັນທີ່ຢ້ຽມຢາມຂອງບັນດານັກບວດ ແລະພຣະທຸກໆຄັ້ງ ທີ່ນັກບວດໄດ້ຢ້ຽມຢາມ ພວກເຂົາເຫຼົ່ານັ້ນຈະໄດ້ຮັບການຕ້ອນຮັບຢ່າງດີ ແລະສົມກຽດ ແລະມະຫາວິຣະກໍຈະໄປນັ່ງຟັງຄຳສອນຈາກພວກ ນັກບວດເຫຼົ່ານີ້ ເຊິ່ງທຳໃຫ້ເຂົາປະຫຼາດໃຈໃນຄຳສອນເຫຼົ່ານັ້ນ ແລະຕົວເຂົາ ເອງນັ້ນມີຄວາມປາຖະໜາທີ່ຈະຕິດ ຕາມພວກນັກບວດເຫຼົ່ານັ້ນ ແຕ່ເພາະຄວາມຮັກທີ່ມີໃຫ້ບິດາ ມານດາ ໄດ້ຢັບຢັ້ງໃຫ້ເຂົາຈາກການທໍາໃຫ້ບັນລຸ ຕາມຄວາມປາຖະໜາ ໂດຍເຂົາຮູ້ດີວ່າທ່ານທັງສອງນັ້ນ ບໍ່ຕ້ອງການໃຫ້ມະຫາວິຣະ ໃຊ້ຊີວິດຢູ່ໃນຫົນທາງ ຂອງນັກບວດ.
- ພາຍຫຼັງ ບິດາມານດາຂອງເຂົາໄດ້ເສັຍຊີວິດແລ້ວ ອ້າຍຂອງເຂົາໄດ້ຂຶ້ນປົກຄອງເມືອງແທນບິດາຂອງເຂົາ ຫຼັງຈາກທີ່ອ້າຍຂອງເຂົາໄດ້ຂຶ້ນ ປົກຄອງເມືອງໄດ້ 1 ປີເຕັມ, ມະຫາວິຣະໄດ້ຂໍອະນຸຍາດ ຈາກອ້າຍຂອງເຂົາເພື່ອ ທີ່ຈະເປັນນັກບວດ, ອ້າຍຂອງເຂົາກໍອະນຸຍາດຕາມຄຳຂໍ.
- ດັ່ງນັ້ນ, ເຂົາຈຶ່ງເຣີ່ມຖອດເຄື່ອງແຕ່ງກາຍຂອງເຂົາອອກ ພ້ອມກັບແຕ່ງກາຍຂອງນັກບວດ, ຕໍ່ມາເຂົາເຣີ່ມ ລົດອາຫານ ແລະເຄື່ອງດື່ມ ໃຫ້ນ້ອຍລົງ ແລະໃຊ້ຊີວິດຢູ່ກັບປັດໄຈຢັ້ງຊີບທີ່ເລັກໆນ້ອຍໆ, ຫຼັງຈາກນັ້ນ 13 ເດືອນຕໍ່ມາເຂົາກໍເປືອຍກາຍ.
- ແທ້ທີ່ຈິງ ມະຫາວິຣະ ໄດ້ບັນລຸເຖິງຂັ້ນໜຶ່ງ ເຂົາໄດ້ຂະຈັດກິເລສຕ່າງໆອອກໝົດສິ້ນ, ບໍ່ມີຄວາມອາຍ, ບໍ່ມີຄວາມເຈັບປວດ, ບໍ່ມີຄວາມດີໃຈ ເສັຍໃຈ, ເຂົາຍັງຝຶກຝົນການບຳເພັງຕົນເປັນເວລາ 12 ປີດ້ວຍກັນ, ຫຼັງຈາກບັນລຸເຖິງຂັ້ນນີ້ແລ້ວ ເຂົາກໍເຣີ່ມຕົ້ນໃໝ່ ຄືການຮຽກຮ້ອງໄປສູ່ແນວ ທາງຂອງເຂົາ, ເຂົາເຣີ່ມຕົ້ນຈາກ ຄອບຄົວ ຍາດພີ່ນ້ອງໃກ້ຊິດຕລອດຈົນປະຊາຊົນໃນເມືອງຂອງເຂົາ, ພວກເຂົາເຫຼົ່ານີ້ໄດ້ໃຫ້ການຕອບຮັບແນວ ທາງຂອງມະຫາວິຣະເປັນຢ່າງດີ, ເຂົາຍັງຄົງປະກາດແນວທາງຂອງເຂົາຈົນເຖິງ ອາຍຸ 72 ປີ ແລະເຈົາກໍໄດ້ພຳ ນັກຢູ່ເມືອງໆໜຶ່ງ ຊື່ວ່າ ບານາປຸຣີ(ອ່ານຕາມພາສາອາຫຼັບ) ເຂົານັ້ນໄດ້ເທສນາທັມ 55 ຄັ້ງ, ແລະໄດ້ຕອບ ຄໍາຖາມເຖິງ 36 ຄຳຖາມ, ທີ່ບໍ່ເຄີຍຖືກຖາມມາກ່ອນເລີຍ.
- ພາຍຫຼັງຈາກນີ້ໄດ້ບໍ່ນານໃນປີທີ 527 ກ່ອນ ຄສ. ມະຫາວິຣະໄດ້ເສັຍຊີວິດຢ່າງສະຫງົບຄົນດຽວ ໂດບບໍ່ມີຜູ້ໃດຢູ່ພ້ອມກັບທ່ານເລີຍ, ມະຫາວິຣະນັ້ນ ໄດ້ເປັນອິສຣະຈາກພັນທະນາການຈາກຊີວິດໃນໂລກ ແລະເຂົາໄດ້ຖິ້ມມໍຣະດົກເອົາໄວ້ ນັ້ນກໍຄືຄໍາສັ່ງເສັຍຕ່າງໆ ແລະຄຳສອນຕ່າງໆ ໃນສາສນາເຊນ ໃຫ້ແກ່ຄົນ ອິນເດັຍຈົນກະທັງເຖິງທຸກວັນນີ້.
(ສາສນາປຽບທຽບ) 1. ສາສນາເຊນ
- ສາສນາເຊນ ຮຽກອີກຢ່າງໜຶ່ງວ່າ ໄຊນະ ຫຼື ຊິນະ ແປວ່າ ຜູ້ຊະນະ, ສາສນານີ້ເກີດໃນປະເທດອິນເດັນ ອະນຸມານການຄາວດຽວກັຍສະໄໝ ພຸດທະດານ ເປັນໜຶ່ງໃນລັດທິສຳຄັນ 6 ລັດທິທີ່ເກີດຮ່ວມສະໄໝດຽວກັບພຣະພຸດທະເຈົ້າ.
- ສາສນາເຊນ ບໍ່ນັບຖືພຣະເຈົ້າ ຫຼືເທບພະເຈົ້າ ຖືກຫຼັກການບໍ່ບຽນບຽນ ຫຼືອະຫິງສາຢ່າງເອກອຸ ຖືວ່າການບໍາເພັງຕົນໃຫ້ລຳບາກ ຄື ອັດຕະກິລະມະຖານຸໂຍກ ເປັນທາງນຳໄປສູ່ການບັນລຸທັມ ທີ່ຜູ້ທີ່ຝືກດີແລ້ວ ຍ່ອມບໍ່ຫວັ່ນໄຫວທຸກສິ່ງທຸກຢ່າງທີ່ເກີດຂຶ້ນທາງກາຍ, ວາຈາ ແລະໃຈ.
- ມີສາສະດາ ຄື ພຣະມະຫາວິຣະ ຫຼື ນິຄຣົນຖະນາຕະບູດ.
- ຈຸດມຸ້ງໝາຍ ສູງສຸດຂອງສາສນານີ້ ຄື ການບຳເພັງຕົນໃຫ້ຫຼຸດພົ້ນຈາກກິເລສ ຫຼູດພົ້ນຈາກສັງສາຣະວັຕ ໂດຍຮຽກວ່າ ໂມກສະ ໂດຍນັກບວດ ໃນສາສນານີ້ ໃຫ້ວິທີການຕັດກິເລສໂດຍບໍ່ໜຸ່ງຜ້າ ຮຽກວ່າ ນິຄຣົນຖ໌ ແປວ່າ ບໍ່ມີກິເລສຜູກຮັດ.
- ປັດຈຸບັນ ມີເຊນສະນິກະຊົນປະມານ 6 ລ້ານຄົນ ທົ່ວປະເທດອິນເດັຍ ໂດຍສ່ວນຫຼາຍມີຖານະດີ ເພາະເປັນພໍ່ຄ້າສາເປັນສ່ວນໃຫຍ່.
ກ. ຂໍ້ປະຕິບັດສໍາລັບຜູ້ຄອງເຮືອນ.
1. ເວັ້ນຈາກການຂ້າສັດ.
2. ເວັ້ນຈາກການເວົ້າເທັດ
3. ເວັ້ນຈາກການລັກສໍ້.
4. ສັນໂດດໃນລູກໃນເມັຍຕົນ.
5. ມີຄວາມປາຖະໜາພໍສົມຄວນ.
6. ເວັ້ນຈາກການຂ້າສັດເປັນອາຫານ.
7. ຢູ່ໃນເຂດຂອງຕົນຕາມກຳນົດ.
8. ພໍດີໃນການບໍຣິໂພກ.
9. ເປັນຄົນກົງ.
10. ບຳເພັງພົກປະພຶດວັດໃນຄາວເທດສະການ
11. ຮັກສາອຸໂປສົດ.
12. ບໍຣິບູນດ້ວຍປະຕິສັນຖານຕໍ່ອາຄັນຕຸກະ.
ຂ. ຂໍ້ປະຕິບັດສໍາລັບບັນພະຊິດ.
1. ຫ້າມປະກອບເມຖຸນທັມ.
2. ຫ້າມຮຽກສິ່ງຕ່າງໆວ່າເປັນຂອງຕົນ.
3. ກິນອາຫານທ່ຽງໄດ້ ແຕ່ຫ້າມກິນຍາມຣາຕຣີ.
ຄ. ນິກາຍຂອງສາສນາເຊນ.
- ເມື່ອພຣະມະຫາວິຣິສິ້ນໄປແລ້ວ ສາສນິກກໍປແຕກແຍກກັນປະຕິບັດຫຼັກທັມ ຈາກຫຼັກທັມທີ່ຮຽບງ່າຍ ກໍກາຍເປັນຫຍຸ້ງເຫຍິງ ພ.ສ 200 ກໍແຕກອອກເປັນ 2 ນິກາຍ ຄື:
1. ນິກາຍທິຄັມພອນ (ນຸ່ງລົມຫົ່ມຟ້າ-ເປືອຍກາຍ)
2. ນິກາຍເສວະຕັມພອນ (ນຸ່ງຂາວຫົ່ມຂາວ)
ງ. ຄັມພີທາງສາສນາ.
- ຄັມພີ ອາຄະມະ ຫຼື ອາຄົມ
- ສາສນາເຊນ ບໍ່ນັບຖືພຣະເຈົ້າ ຫຼືເທບພະເຈົ້າ ຖືກຫຼັກການບໍ່ບຽນບຽນ ຫຼືອະຫິງສາຢ່າງເອກອຸ ຖືວ່າການບໍາເພັງຕົນໃຫ້ລຳບາກ ຄື ອັດຕະກິລະມະຖານຸໂຍກ ເປັນທາງນຳໄປສູ່ການບັນລຸທັມ ທີ່ຜູ້ທີ່ຝືກດີແລ້ວ ຍ່ອມບໍ່ຫວັ່ນໄຫວທຸກສິ່ງທຸກຢ່າງທີ່ເກີດຂຶ້ນທາງກາຍ, ວາຈາ ແລະໃຈ.
- ມີສາສະດາ ຄື ພຣະມະຫາວິຣະ ຫຼື ນິຄຣົນຖະນາຕະບູດ.
- ຈຸດມຸ້ງໝາຍ ສູງສຸດຂອງສາສນານີ້ ຄື ການບຳເພັງຕົນໃຫ້ຫຼຸດພົ້ນຈາກກິເລສ ຫຼູດພົ້ນຈາກສັງສາຣະວັຕ ໂດຍຮຽກວ່າ ໂມກສະ ໂດຍນັກບວດ ໃນສາສນານີ້ ໃຫ້ວິທີການຕັດກິເລສໂດຍບໍ່ໜຸ່ງຜ້າ ຮຽກວ່າ ນິຄຣົນຖ໌ ແປວ່າ ບໍ່ມີກິເລສຜູກຮັດ.
- ປັດຈຸບັນ ມີເຊນສະນິກະຊົນປະມານ 6 ລ້ານຄົນ ທົ່ວປະເທດອິນເດັຍ ໂດຍສ່ວນຫຼາຍມີຖານະດີ ເພາະເປັນພໍ່ຄ້າສາເປັນສ່ວນໃຫຍ່.
ກ. ຂໍ້ປະຕິບັດສໍາລັບຜູ້ຄອງເຮືອນ.
1. ເວັ້ນຈາກການຂ້າສັດ.
2. ເວັ້ນຈາກການເວົ້າເທັດ
3. ເວັ້ນຈາກການລັກສໍ້.
4. ສັນໂດດໃນລູກໃນເມັຍຕົນ.
5. ມີຄວາມປາຖະໜາພໍສົມຄວນ.
6. ເວັ້ນຈາກການຂ້າສັດເປັນອາຫານ.
7. ຢູ່ໃນເຂດຂອງຕົນຕາມກຳນົດ.
8. ພໍດີໃນການບໍຣິໂພກ.
9. ເປັນຄົນກົງ.
10. ບຳເພັງພົກປະພຶດວັດໃນຄາວເທດສະການ
11. ຮັກສາອຸໂປສົດ.
12. ບໍຣິບູນດ້ວຍປະຕິສັນຖານຕໍ່ອາຄັນຕຸກະ.
ຂ. ຂໍ້ປະຕິບັດສໍາລັບບັນພະຊິດ.
1. ຫ້າມປະກອບເມຖຸນທັມ.
2. ຫ້າມຮຽກສິ່ງຕ່າງໆວ່າເປັນຂອງຕົນ.
3. ກິນອາຫານທ່ຽງໄດ້ ແຕ່ຫ້າມກິນຍາມຣາຕຣີ.
ຄ. ນິກາຍຂອງສາສນາເຊນ.
- ເມື່ອພຣະມະຫາວິຣິສິ້ນໄປແລ້ວ ສາສນິກກໍປແຕກແຍກກັນປະຕິບັດຫຼັກທັມ ຈາກຫຼັກທັມທີ່ຮຽບງ່າຍ ກໍກາຍເປັນຫຍຸ້ງເຫຍິງ ພ.ສ 200 ກໍແຕກອອກເປັນ 2 ນິກາຍ ຄື:
1. ນິກາຍທິຄັມພອນ (ນຸ່ງລົມຫົ່ມຟ້າ-ເປືອຍກາຍ)
2. ນິກາຍເສວະຕັມພອນ (ນຸ່ງຂາວຫົ່ມຂາວ)
ງ. ຄັມພີທາງສາສນາ.
- ຄັມພີ ອາຄະມະ ຫຼື ອາຄົມ
Subscribe to:
Posts (Atom)